ดอลล์อ่อนเทียบยูโรเช้านี้ ขณะนลท.หวั่นวิกฤตสินเชื่อบีบธนาคารรายอื่นล้มละลาย

          เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 เมื่อเทียบกับเงินยูโรในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียวเช้าวันนี้ (18 ก.ย.) จากกระแสคาดการณ์ที่ว่า อาจสถาบันการเงินประสบภาวะล้มละลายมากขึ้น
          นอกจากนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินฟรังก์สวิส หลังจากหุ้นของโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์และมอร์แกน สแตนลีย์ ดิ่งลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยในที่ประชุมเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา และการที่รัฐบาลใช้แผนอุ้มอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นเนล กรุ๊ป อิงค์ (AIG) ยังไม่สามารถคลายความวิตกกังวลต่อตัวเลขขาดทุนในตลาดสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นได้       
          สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 09.27 น.ตามเวลาในกรุงโตเกียว เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.4367 ยูโรต่อดอลลาร์จากระดับ 1.4326 ยูโรต่อดอลลาร์เมื่อวานนี้ 
          นอกจากนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงไปอยู่ที่ระดับ 1.0991 ฟรังก์สวิสต่อดอลลาร์ จากระดับ 1.1029 ฟรังก์สวิสต่อดอลลาร์ ขณะที่อามิคูระคาดการณ์ว่า เงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงไปอยู่ที่ระดับ 103.80 เยนต่อดอลลาร์ในไม่กี่วันข้างหน้านี้
          "นักลงทุนไม่ต้องการเข้าซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงเวลาสหรัฐเป็นต้นตอที่ทำให้เกิดปัญหาการเงินทั่วโลก" ฮิเดกิ อามิคูระ นักวิเคราะห์จากโนมูระ ทรัสต์ แอนด์ แบงกิ้ง โค กล่าว "ตลาดสินเชื่อไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะสิ้นสุดลง และเทรดเดอร์ยังคงจับตาว่าจะมีสถาบันการเงินรายอื่นๆปิดตัวตามกันไปหรือไม่"
          ในส่วนของดัชนี MSCI ที่ชี้วัดความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิกร่วงลง 2% เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2548 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐในรูปสกุลเงินดอลลาร์ระยะ 3 เดือนดิ่งลงเกือบแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 0.8% แตะที่ 871.14 ดอลลาร์/ออนซ์ เช่นเดียวกับราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น 0.4% สู่ระดับ 97.54 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนโยกย้ายฐานการลงทุนเพื่อหนีปัญหาสินเชื่อไปลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปลอดความเสี่ยง