ค่าเงินสกุลหลักๆในภูมิภาคเอเชียร่วงลงในช่วงเช้านี้ เนื่องจากความพยายามที่ธนาคารกลางหลายแห่งในเอเชียอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินเพื่อคลี่คลายวิกฤตการณ์ในตลาดการเงิน ไม่สามารถบรรเทาความตื่นตระหนกให้กับนักลงทุนได้ แม้ความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางในเอเชียครั้งนี้จะเป็นความพยายามครั้งใหญ่สุดในรอบ 10 ปีก็ตาม
นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางเกาหลีใต้ชะลอการแทรกแซงค่าเงินวอน และธนาคารกลางฟิลิปปินส์ชะลอการแทรกแซงค่าเงินเปโซ นับเป็นอีกปัจจัยที่ถ่วงสกุลเงินหลักๆร่วงลงทั่วภูมิภาคเอเชีย
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้นักวิเคราะห์ของ ING Investment Management และ Daiwa SB Investments Ltd. คาดการณ์ว่า ค่าเงินในเอเชียจะร่วงลงอีก หลังจากสกุลเงินวอนดิ่งลงไปแล้ว 16% ในปีนี้ และเงินรูปีร่วงลง 15% นอกจากนี้ เศรษฐกิจเชียที่ชะลอตัวลงยังส่งผลให้นักลงทุนแห่ย้ายฐานการลงทุนออกภูมิภาค จนเป็นเหตุให้ตลาดหุ้นในเอเชียดิ่งลงรุนแรงสุดในรอบ 18 ปี
โดยในช่วงเช้านี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงดิ่งลงไปแล้ว 1,353.47 จุด หรือ 7.67% แตะ 16,283.72 จุด ขณะที่ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดเช้าดิ่งลง 374.22 จุด หรือ 3.18% แตะที่ 11,375.57 จุด เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าอาจมีสถาบันการเงินในสหรัฐล้มละลายอีกหลายระลอก หลังจากเลห์แมน บราเธอร์ส ล้มละลาย และเมอร์ริล ลินช์ ขายกิจการให้แบงค์ ออฟ อเมริกา จนกระทั่งล่าสุดมีรายงานว่ามอร์แกน สแตนลีย์ กำลังเจรจาขายกิจการให้กับซิติคกรุ๊ปของจีน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีปฏิกริยาในด้านลบต่อการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจพยุงกิจการบริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) ด้วยการปล่อยวงเงินกู้ฉุกเฉิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ให้กับ AIG แลกเปลี่ยนกับการที่เฟดเข้าไปถือหุ้น 79.9% ซึ่งข่าวดังกล่าวสร้างความวิตกกังวลให้กับนักลงทุนอย่างมาก เพราะการที่เฟดให้วงเงินกู้ฉุกเฉินแก่ AIG ย่อมสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทประกันรายใหญ่แห่งนี้ขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง และอาจล้มละลายต่อจากเลห์แมน บราเธอร์ส สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--