ไต้หวันย้ำกองทุนรัฐเข้าซื้อหุ้นตอนนี้เหมาะสมหลังตลาดหุ้นดิ่งหนัก

          รัฐบาลไต้หวันมองว่า สถานการณ์แวดล้อมในขณะนี้เป็นสถานการณ์ที่เหมาะสมสำหรับกองทุนของรัฐที่จะเข้าซื้อหุ้น หลังจากที่ดัชนี Taiex ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี โดยกองทุนเพื่อเสถียรภาพแห่งชาติ (National Stabilization Fund) ของไต้หวันกำลังติดตามสถานการณ์ในตลาดภายในประเทศ และจะเข้าแทรกแซงเพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาดหากเห็นว่าจำเป็น
          ทั้งนี้ ดัชนี Taiex ดิ่งลงถึง 4.7% ซึ่งถือเป็นสถิติที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค. 2547 ก่อนที่จะมีการประกาศแถลงการณ์ดังกล่าวของรัฐบาล
          บลูมเบิร์กรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา รัฐบาลไต้หวันได้ขอให้กองทุนของรัฐ 4 กองทุน และธนาคารของรัฐเข้าซื้อหุ้น เพื่อพยุงตลาดหุ้นที่ดิ่งลงอันเนื่องมาจากการล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส และการที่รัฐบาลสหรัฐเข้าเทคโอเวอร์บริษัทประกันรายใหญ่อย่างอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (AIG) โดยสถาบันการเงินและนักลงทุนไต้หวันได้ลงทุนในตราสารที่เกี่ยวกับเลห์แมนประมาณ 8.0 หมื่นล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือ 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 
          เอิร์นเนสท์ เชียง เจ้าหน้าที่จากไอบีที แอสเส็ท แมเนจเมนท์ กล่าวว่า รัฐบาลไต้หวันไม่ได้ให้ความสนใจถึงเงื่อนไขหรือปัจจัยเบื้องต้นของกองทุนเพื่อเสถียรภาพแห่งชาติที่จะเข้าไปในตลาด เมื่อมีปัจจัยที่ไม่เกี่ยวกับเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อตลาด รัฐบาลไม่ได้ระบุว่าจะเข้าไปตลาดอย่างแน่นอน เป็นเพียงแค่การกล่าวลอยๆเท่านั้น
          กองทุนเพื่อเสถียรภาพของไต้หวันนับเป็นกลไกที่รัฐบาลใช้เพื่อสนับสนุนในยามที่เกิดเหตุการณ์ใดๆขึ้นในประเทศและต่างประเทศ หรือเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่กองทุนระดับโลกดำเนินการจนส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน และทำให้ตลาดเงินและตลาดทุนผันผวน ซึ่งกลายเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพ
          กองทุนเพื่อเสถียรภาพแห่งชาติจัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนมี.ค. 2543 มูลค่า 5 แสนล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือ 1.55 หมื่นล้านดอลลาร์
          ทั้งนี้ รัฐบาลไต้หวันเป็นผู้ควบคุมดูแลกองทุนบำเน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนบำเน็จบำนาญแรงงาน กองทุนประกันแรงงาน และกองทุนเพื่อการออมของไปรษณีย์ ซึ่งมีสินทรัพย์รวมประมาณ 5 ล้านล้านดอลลาร์ไต้หวัน
          เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา ธนาคารกลางไต้หวันได้อัดฉีดเงินเข้าตลาดอินเตอร์แบงค์ 3.59 พันล้านดอลลาร์ และลดสำรองเงินฝากเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี เพื่อกระตุ้นสภาพคล่องในตลาดเงินของไต้หวัน