ผู้บริหารในแวดวงการเงินกล่าวว่า มอร์แกน สแตนลีย์ กำลังสูญลูกค้าในกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ไป เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้วิตกกังวลเกี่ยวกับหุ้นวาณิชธนกิจสหรัฐว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจไฟแนนซ์ของบริษัท โดยในสัปดาห์นี้ มีลูกค้ากลุ่มเฮดจ์ฟันด์ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนต่ำกว่า 10% ของงบดุลของบริษัทได้ถอนเงินออกไปแล้ว และแจ้งความจำนงว่าจะถอนเงิน ซึ่งการถอนตัวของลูกค้ากลุ่มเฮดจ์ฟันด์นี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเจ้าถึงสำรองของบริษัทเท่าใดนัก
บลูมเบิร์กรายงานว่า ดอยช์แบงค์, ซิตี้กรุ๊ป, เครดิต สวิส และเจพีมอร์แกน เชส จึงเข้ามาดึงลูกค้าไปจากมอร์แกน สแตนลีย์ หลังจากที่เลห์แมน บราเธอร์ส ได้ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ตามกฎหมายล้มละลายไปเมื่อต้นสัปดาห์ โดยไพรซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ระบุว่า เลห์แมนไม่ต้องส่งคืนสินทรัพย์ที่ถูกระงับไว้มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในระยะใกล้นี้
ทั้งนี้ หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลงถึง 42% ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก นับตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.เป็นต้นมา
อดัม ซัสแมน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของทีเอบีบี กรุ๊ป กล่าวว่า ดูเหมือนว่ากลุ่มเฮดจ์ฟันด์จะให้ความสำคัญกับความเสี่ยงเรื่องคู่ค้า ในขณะที่หาโอกาสลงทุนในหลักทรัพย์ หากเฮดจ์ฟันด์เหล่านี้ไม่สนใจหุ้น ก็จะลดการลงทุนในธุรกิจบริการ prime brokerage และซื้อขายตราสาร
การถอนตัวของลูกค้ามีขึ้นก่อนที่นิวยอร์ก ไทม์ส ได้รายงานว่า มอร์แกน สแตนลีย์กำลังหาทางควบกิจการกับวาโชเวียคอร์ปและธนาคารอื่นๆ
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--