นายกฤษฎา เปี่ยมพงศ์สานต์ โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สหภาพยุโรป(อียู)ได้ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากท่อไอเสียรถยนต์ลงเฉลี่ย 17% ภายในปี 55 จากระดับปัจจุบันที่ 160-120 กรัม/กิโลเมตร ดังนั้นไทยในฐานะผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์รายสำคัญของโลก และส่งออกรถยนต์ไปอียูปีละจำนวนมากจำเป็นต้องศึกษาและติดตามกฎระเบียบในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะหากในอนาคตมีการบังคับใช้อย่างจริงจังจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกรถยนต์ของไทยไปยังอียูได้
"ไทยส่งออกรถปิกอัพไปอียูมาก ดังนั้นต้องปรับกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับระเบียบที่อียูกำหนด โดยเฉพาะในเรื่องการลดการปล่อยสารคาร์บอนไดออกไซด์ หากทำได้เร็วจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งออก ที่สำคัญอียูกำลังพิจารณาคืนสิทธิจีเอสพีสินค้ายานยนต์ให้ไทย ก็จะช่วยให้ไทยส่งออกรถไปอียูได้มากขึ้น และยิ่งถ้าทำตามกฎเรื่องก๊าซได้อีกจะยิ่งทำให้รถไทยส่งออกไปอียูดีขึ้น" นายกฤษฎา กล่าว
ปัจจุบัน คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปได้ขยายระยะเวลาการปรับตัวในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้แก่ผู้ผลิตรถยนต์ออกไปอีก 3 ปี แต่ผู้ผลิตจะต้องสร้างความแน่ใจว่าประมาณ 60% ของรถยนต์ที่ผลิตขึ้นทั้งหมดจะต้องลดการปล่อยก๊าซลงตามเป้าหมายในปี 55 โดยเพิ่มเป็น 70% ในปี 56, 80% ในปี 57 และครบ 100% ภายในปี 58 ขณะเดียวกันยังยินยอมให้ลดค่าปรับบริษัทที่ปล่อยก๊าซเกินกำหนดกรัมละ 40 ยูโร ซึ่งน้อยกว่าที่คณะกรรมาธิการเสนอกรัมละ 95 ยูโร
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--