นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทแสดงความเห็นว่า มาตรการกู้วิกฤติในตลาดการเงินสหรัฐของนายเฮนรี พอลสัน รมว.คลัง อาจเป็นปัจจัยลบที่สกัดกั้นความแข็งแกร่งของค่าเงินดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนมองว่ามาตรการดังกล่าวใช้งบประมาณสูงเกินไปและอาจส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐขาดทุนงบประมาณมากขึ้น
ไมเคิล พอนด์ นักวิเคราะห์จากบาร์เคลย์ส แคปิตอล กล่าวว่า "สหรัฐใช้งบประมาณโดยรวม 7 แสนล้านดอลลาร์ในการกอบกู้วิกฤติตลาดการเงิน และการใช้งบประมาณอีก 4 แสนล้านดอลลาร์ในการรับประกันกองทุนรวมในตลาดการเงิน จะช่วยกระตุ้นการกู้ยืมในตลาดได้มากถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้มาตรการดังกล่าวสามารถกระตุ้นนักลงทุนให้กลับมามีความเชื่อมั่นในตลาดได้อีก แต่สายตาทุกคู่กำลังจับอยู่ที่ยอดขาดดุลงบประมาณและยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐ"
จอห์น เทย์เลอร์ ประธานบริษัท Foreign Exchange Concepts Inc. กล่าวว่า "แม้มาตรการดังกล่าวจะช่วยคลายความตึงตัวในตลาดการเงินได้ แต่กลับจะสร้างแรงกดดันให้กับค่าเงินดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มตระหนักว่ารัฐบาลทุ่มงบประมาณในมาตรการนี้มากเกินไปและอาจสร้างความเสียหายต่องบดุลของรัฐ"
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร หลังจากรมว.พอลสันประกาศใช้มาตรการกู้วิกฤติในตลาดการเงิน โดยเดวิด วู นักวิเคราะห์อีกคนหนึ่งของบาร์เคลย์ส คาดว่า "ค่าเงินดอลลาร์จะได้รับแรงกดดันจากภาวะขาดดุลงบประมาณและดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐในเร็วๆนี้" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--