เงินดอลลาร์ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่า ค่าใช้จ่ายในการดำเนินแผนการของรัฐบาลสหรัฐเพื่อบรรเทาวิกฤตขาดทุนในตลาดสินเชื่อนั้นจะยิ่งกระตุ้นตัวเลขหนี้สินในประเทศให้มากยิ่งขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 09.12 น. ตามเวลาท้องถิ่น เงินดอลลาร์นิวซีแลนด์แข็งค่าขึ้น 69.06 เซนต์สหรัฐต่อดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 68.90 เซนต์สหรัฐต่อดอลลาร์นิวซีแลนด์ที่ตลาดนิวยอร์กคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่อ่อนค่าลงแตะ 73.76 เยนต่อดอลลาร์นิวซีแลนด์จากระดับ 74.04 เยนต่อดอลลาร์นิวซีแลนด์
ขณะที่เงินดอลลาร์ออสเตรเลียเคลื่อนไหวที่ระดับ 83.72 เซนต์สหรัฐต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 83.40 เซนต์สหรัฐต่อดอลลาร์ออสเตเลีย แต่ร่วงลง 0.1% ไปอยู่ที่ 89.48 เยนต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย
สกุลเงินทั้งสองแข็งค่าขึ้นหลังจากหุ้นทั่วโลกทะยานขึ้นอย่างคึกคัก เนื่องจากแผนการกู้วิกฤตตลาดเงินของสหรัฐช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนต้องการเข้าทำธุรกรรม carry trade ในการกู้เงินเยนของญี่ปุ่นที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำไปซื้อสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง แต่มาตรการของนายเฮนรี่ พอลสัน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ที่รวมถึงการซื้อหนี้สินที่เกี่ยวกับธุรกิจปล่อยกู้จำนองเป็นเงินถึง 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐจะยิ่งทำให้ตัวเลขหนี้สินของสหรัฐมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
"แผนการดังกล่าวจะทำให้รัฐบาลแบกรับภาระหนี้สินมากขึ้นและกดดันให้เทรดเดอร์เทขายเงินดอลลาร์สหรัฐออกมา" ดานิก้า แฮมป์ตัน นักวิเคราะห์จาก Bank of New Zealand Ltd. กล่าว "ความต้องการซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงและความเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจะช่วยส่งแรงหนุนให้เงินดอลลาร์นิวซีแลนด์แข็งค่าขึ้น"
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยของนิวซีแลนด์ขณะนี้อยู่ที่ระดับ 7.5% ส่วนอัตราดอกเบี้ยของออสเตรเลียอยู่ที่ 7% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยในญี่ปุ่นอยู่ในระดับ 0.5% และอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอยู่ที่ 2% ซึ่งทำให้นักลงทุนหาทางซื้อสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกันมากขึ้น
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--