คริสโตเฟอร์ วูด นักยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนจากบริษัท CLSA ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักวิเคราะห์ระดับแนวหน้าของเอเชียจากการสำรวจความคิดเห็นของนักลงทุนสถาบัน คาดว่า การที่ตลาดหุ้นเอเชียทะยานขึ้นขานรับมาตรการกู้วิกฤติในตลาดการเงินของสหรัฐมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์นั้น จะเป็นการดีดตัวขึ้นในระยะสั้นๆ เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง
วูดกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ฮ่องกงในวันนี้ว่า เขาแนะนำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงซื้อหุ้นบริษัทที่ต้องพึ่งพาอุปสงค์ในตลาดโลก และแนะนำให้เข้าซื้อหุ้นกลุ่มการเงินในตลาดเอเชีย เพราะเชื่อว่าหุ้นกลุ่มการเงินในตลาดเอเชียจะเป็นช่องทางการลงทุนที่ปลอดภัยจากวิกฤตการณ์สินเชื่อ มากกว่าหุ้นกลุ่มการเงินในตลาดสหรัฐและยุโรป
ดัชนี MSCI Asia Pacific ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นเอเชีย (ยกเว้นตลาดหุ้นโตเกียว) พุ่งขึ้น 11% ในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศมาตรการกอบกู้วิกฤตการณ์ในตลาดการเงิน ด้วยการทุ่มงบประมาณ 7 แสนล้านดอลลาร์เข้าซื้อหนี้เสียของสถาบันการเงินภายในประเทศ
"ผมคาดว่าภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียฟื้นตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลหลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศมาตรการดังกล่าว แต่อีกด้านหนึ่งผมมองถึงผลพวงที่จะตามมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าว่า ตลาดหุ้นหลายแห่งจะชะลอตัวลง ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นเอเชีย เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง" วูดกล่าวกับผู้สื่อข่าวนอกรอบการประชุมนักลงทุนที่ฮ่องกง
นับตั้งแต่ช่วงต้นปีพ.ศ.2549 สถาบันการเงินทั่วโลกรายงานตัวเลขขาดทุนในตลาดสินเชื่อและปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชี โดยรวมประมาณ 5.20 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะตกต่ำในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐ โดยวูดคาดว่า ยอดขาดทุนของสถาบันการเงินทั่วโลกจะพุ่งขึ้นอีก 1 ล้านล้านดอลลาร์ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--