เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเกือบแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อเทียบกับเงินยูโรในเช้าวันนี้ (23 ก.ย.) ท่ามกลางความวิตกกังวลว่ามาตรการของรัฐบาลสหรัฐในการกว้านซื้อหนี้เสียจากสถาบันการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐจ ยิ่งทำให้ตัวเลขขาดดุลบัญชีปรับตัวสูงขึ้นอีก
เงินดอลลาร์อาจร่วงลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ซึ่งเป็นสถิติการอ่อนค่าลงนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.จากกระแสคาดการณ์ที่ว่า มาตรการคลายวิกฤตสินเชื่อของนายเฮนรี่ พอลสัน รัฐมนตรีคลังของสหรัฐจะยิ่งบ่อนทำลายความเชื่อมั่นนักลงทุนในสหรัฐ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังปรับตัวลดลงก่อนหน้าที่สหรัฐจะเปิดเผยรายงานเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจระบุถึงยอดขายบ้านที่ซบเซา และอาจกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 07.45 น. ตามเวลาสิงคโปร์ เงินดอลลาร์เทรดที่ระดับ 1.4801 ยูโรต่อดอลลาร์ หลังจากดิ่งลง 2.1% เมื่อวานนี้ไปแตะที่ 1.4866 ยูโรต่อดอลลาร์ และดิ่งลงแตะที่ 105.56 เยนต่อดอลลาร์ต่อเนื่องจากที่ทรุดตัวลง 1.8% ขณะที่เงินยูโรเทรดกันที่ระดับ 156.24 เยนต่อยูโรหลังจากพุ่งขึ้น 0.3%
โดยมอร์ริสคาดว่า เงินดอลลาร์อาจอ่อนค่าลงไปแตะที่ 1.4900 ยูโรต่อดอลลาร์ และเคลื่อนไหวที่ 104.50 เยนต่อดอลลาร์ในไม่กี่วันข้างหน้านี้
"เห็นได้ชัดว่าบรรยากาศการซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตราปกคลุมด้วยกระแสความวิตกกังวลเนื่องจากตลาดยังมีความไม่แน่นอนสูง" โทนี่ มอร์ริส นักวิเคราะห์จากออสเตรเลีย แอนด์ นิวซีแลนด์ แบงกิ้ง กรุ๊ปในซิดนีย์กล่าว "ในสัปดาห์นี้เงินดอลลาร์จะยังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างต่อเนื่อง"
ทั้งนี้ เงินดอลลาร์ร่วงลงไปแล้ว 6.6% เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรนับตั้งแต่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ระดับ 1.3882 ดอลลาร์ต่อยูโรเมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา โดยเงินดอลลาร์พุ่งแตะที่ 1.6038 ยูโรต่อดอลลาร์เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการใช้สกุลเงินยูโรในปี 2542
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--