บรรษัทเพื่อการลงทุนแห่งรัฐบาลสิงคโปร์ (Government of Singapore Investment Corp : GIC) กำลังหันไปลงทุนในตลาดเกิดใหม่ และไพรเวท อิควิตี้ เพื่อเพิ่มรายได้หลังจากที่บริษัทได้ลดการลงทุนในหุ้นและการลงทุนในประเทศที่พัฒนาแล้ว นอกจากนี้ GIC ยังได้เพิ่มสัดส่วนการถือครองสินทรัพย์ที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติและเฮดจ์ฟันด์ รวมทั้งลดสัดส่วนการถือพันธบัตรลงเหลือ 1 ใน 4 จากกว่า 3 ส่วนเมื่อ 25 ปีที่แล้ว
โดยรายได้จากการขายหุ้นตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้วทำให้บรรษัทสามารถใช้งบ 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ไปซื้อหุ้นของยูบีเอส เอจี และซิตี้กรุ๊ป อิงค์ในช่วงปีที่ผ่านมาได้
อึ้ง ก๊ก ซง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน กล่าวว่า เราเห็นว่าสถานการณ์ด้านการลงทุนมีความท้าทายมากขึ้น แนวโน้มของภาวะเงินฝืดที่กระตุ้นตลาดทุนทั่วโลกให้สดใสในช่วงกว่า 25 ปีที่ผ่านมาดูเหมือนว่า จะเป็นแนวโน้มที่สิ้นสุดลงแล้ว
บลูมเบิร์กรายงานว่า ลี กวน ยู ประธาน GIC ได้เปิดเผยรายได้ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาว่าขยายตัวขึ้นโดยเฉลี่ย 7.8% เมื่อเปรียบเทียบกับดัชนี MSCI World ที่ 7% โดยบรรษัทสนใจการลงทุนในระยะยาวมากขึ้นหลังจากที่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 และยุคอินเทอร์เน็ตร่วง 2544 และวิกฤตสินเชื่อที่ส่งผลกระทบรายได้ของบริษัทในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้
บีท เลนแฮร์ หัวหน้านักยุทธศาสตร์ของแอลจีที แคปิตอล เมเนจเมนท์ กล่าวว่า ตัวเลขรายได้ของ GIC ไม่ค่อยน่าตื่นเต้นเท่าไร ทุกสิ่งทุกอย่างจะปรากฎให้เห็นในตัวเลขของรายได้ไม่ว่าคุณจะมียุทธศาสตร์ในระยะยาวอย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัวลงจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวในตลาดเกิดใหม่ และแนวโน้มรายได้ของบริษัทต่างๆ
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--