นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน ระบุว่า แม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ผู้ค้ายังไม่ควรปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ เพราะค่าการตลาดยังอยู่ในระดับปกติ และไม่ควรอ้างผลจากการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากที่ผ่านมาค่าการตลาดสูงมากมานานเกือบ 2 เดือน
"แม้ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในวันที่ 23 ก.ย.รวมกับการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 40-50 สต./ลิตรแล้ว ส่งผลให้ค่าการตลาดผู้ค้าน้ำมันลดลง คือ ค่าการตลาดน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 อยู่ในระดับ 1.36 บาท/ลิตร และดีเซลอยู่ในระดับ 1.06 บาท/ลิตร ถือเป็นค่าการตลาดในระดับต่ำกว่าปกติเล็กน้อย และค่าการตลาดเพิ่งจะลดต่ำกว่าเกณฑ์เป็นวันแรก ดังนั้นผู้ค้าจึงไม่ควรรีบขึ้นราคาน้ำมันทันที" นายพรชัย กล่าว
นายพรชัย กล่าวว่า ผู้ค้ายังไม่ควรพิจารณาปรับขึ้นราคาน้ำมันในวันนี้ แม้เมื่อวานราคาน้ำมันดิบดูไบได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร์ ทั้งเบนซินและดีเซลปรับขึ้นมาในระดับประมาณ 5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลเช่นเดียวกัน แต่ผู้ค้าก็ควรจะรอดูสถานการณ์ราคาน้ำมันอีก 1-2 วันก่อน
เนื่องจากในช่วงที่เดือน ส.ค.-ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ค้าลดราคาขายปลีกน้ำมันลงช้ากว่า ทำให้ค่าการตลาดน้ำมันอยู่ในระดับสูง โดยค่าการตลาดน้ำมันแก๊สโซฮอล E 10 อยู่ในระดับเฉลี่ย 2.40 บาทต่อลิตร จากปกติที่ค่าการตลาดควรอยู่ในระดับ 1.70-2.00 บาทต่อลิตร ส่วนค่าการตลาดน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับเฉลี่ยกว่า 2.52 บาทต่อลิตร จากปกติที่ค่าการตลาดควรอยู่ในระดับ 1.00-1.50 บาทต่อลิตร
ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพิ่มขึ้นนั้น เนื่องจากกระทรวงพลังงานได้พิจารณาแล้วเห็นว่าค่าการตลาดของบริษัทน้ำมันอยู่ในระดับที่สูงมาก การเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ จึงไม่มีผลต่อราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ และการเก็บเงินครั้งนี้เพื่อรักษาเสถียรภาพกองทุนน้ำมันฯ และทำให้น้ำมันแก๊สโซฮอลราคาต่ำ เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--