นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า เศรษฐกิจอังกฤษน่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากวิกฤตสินเชื่อ เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์อังกฤษกำลังซบเซาหนัก หนี้สินภาครัฐและหนี้สินส่วนตัวพอกพูน และอัตราว่างงานพุ่งสูง
เจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค คาดการณ์ว่า ธนาคารใหญ่ 3 แห่งของอังกฤษ ได้แก่ บาร์เคลย์ส, ลอยด์ส ทีเอสบี และ รอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ อาจต้องระดมทุนกว่า 3.8 หมื่นล้านปอนด์ (7.1 หมื่นล้านดอลลาร์) ระหว่างกันเองเพื่อกระตุ้นมิให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจอาจไม่เป็นไปอย่างที่คิด เยอรมนีและญี่ปุ่นมีเศรษฐกิจเฟื่องฟูแม้จะตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ดังนั้น ระบบเศรษฐกิจของอังกฤษก็อาจไปได้สวยหลังเกิดวิกฤตสินเชื่อเช่นกัน
อย่าง บาร์เคลย์ส ก็เพิ่งซื้อกิจการของ เลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิงส์ อิงค์ ของสหรัฐ ด้วยมูลค่า 1.75 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งหากมองในระยะยาวจะถือว่าเป็นการเก็งกำไรครั้งใหญ่แห่งศตวรรษเลยทีเดียว
ในขณะเดียวกัน ลอยด์ส ทีเอสบี ก็อาศัยช่วงที่เกิดวิกฤตเข้าซื้อกิจการของบริษัท เอชบีโอเอส พีแอลซี ด้วยมูลค่า 1.04 หมื่นล้านปอนด์ อย่างไรก็ตาม ลอยด์สจ่ายเงินดังกล่าวในรูปของหุ้น ดังนั้นเงินสดจึงไม่มีการเปลี่ยนมือเลย
ทั้งนี้ หุ้นเอชบีโอเอสมีราคา 730 เพนช์ต่อหุ้นช่วงต้นปี แต่ตอนนี้ราคาหุ้นลดลงมาเหลือไม่ถึง 200 เพนซ์ต่อหุ้น ซึ่งตามข้อกำหนดแล้วทั้งสองบริษัทไม่สามารถทำการซื้อขายกิจการกันได้ อย่างไรก็ตาม วิกฤตสินเชื่อที่เกิดขึ้นส่งผลให้รัฐบาลยกเลิกกฎหมายการผูกขาดในตลาดเป็นการชั่วคราว ส่งผลให้ลอยด์สดำเนินการซื้อกิจการได้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--