นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทมองว่า การที่โกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ เปลี่ยนสถานะขององค์กรจากวาณิชธนกิจมาเป็น "บริษัทโฮลดิ้งธนาคาร" ส่งผลให้อันดับความยิ่งใหญ่ของวงการธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐสั่นสะเทือน โดยทำให้วาณิชธนกิจทั้งสองผงาดขึ้นแซงหน้าธนาคารวาโชเวีย และเวลล์ ฟาร์โก
จากข้อมูลของบลูมเบิร์กบ่งชี้ว่า โกลด์แมน แซคส์ รั้งตำแหน่งธนาคารพาณิชย์รายใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐ ด้วยทรัพย์สินมูลค่า 1.08 ล้านล้านดอลลาร์ ส่วนอันดับ 1 คือ ซิตี้กรุ๊ป ซึ่งมีทรัพย์สิน 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ อันดับ 2 คือ แบงค์ ออฟ อเมริกา ด้วยทรัพย์สิน 1.88 ล้านล้านดอลาร์ และอันดับ 3 คือ เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ด้วยทรัพย์สิน 1.78 ล้านล้านดอลลาร์
ส่วนมอร์แกน สแตนลีย์ ตามมาเป็นอันดับ 4 ด้วยทรัพย์สิน 9.88 แสนล้านดอลลาร์ และวาโชเวียอันดับ 6 ด้วยทรัพย์สิน 8.124 แสนล้านดอลลาร์
เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อนุมัติให้โกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ สองวาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่แห่งสุดท้ายในตลาดวอลล์สตรีท เปลี่ยนสถานะตนเองเป็น "บริษัทโฮลดิ้งธนาคาร" เพื่อช่วยให้สถาบันการเงินทั้งสองแห่งสามารถจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ที่สามารถรับฝากเงินออมและเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย นอกจากนี้ ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ในตลาดวอลล์สตรีทนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์การเงินครั้งใหญ่ในสหรัฐ ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะผันผวนครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดวอลล์สตรีท
การอนุมัติครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากเลห์แมน บราเธอร์ส อดีตวาณิชธนกิจรายใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐ ล้มละลาย และเมอร์ริล ลินช์ วาณิชธนกิจรายใหญ่อีกแห่งหนึ่ง ยอมขายกิจการให้กับแบงค์ ออฟ อเมริกา ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกในทั่วตลาดวอลล์สตรีทว่า สองวาณิชธนกิจที่เหลืออยู่คือ โกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ จะสามารถรักษาความเป็นอิสระได้ต่อไปหรือไม่
แรนดี้ เดนนิส ประธานบริษัท DD&F Consulting Group กล่าวว่า "การที่โกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ ผันตัวเองมาเป็นบริษัทโฮลดิ้งธนาคาร ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน แต่ก็เป็นเหตุการณ์ที่ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ตลาดวอลล์สตรีท" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--