นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐอาจลดลงในเดือนส.ค. ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่าวิกฤตสินเชื่อส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนอาจลดลง 1.9% ในเดือนส.ค. ซึ่งถือว่ามากสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. ส่วนยอดขายบ้านใหม่อาจลดลง 1% เหลือ 510,000 หลังในเดือนเดียวกัน
ตัวเลขดังกล่าวสอดคล้องกับคำเตือนของเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่กล่าวว่า วิกฤตตลาดเงินส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยการล่มสลายของสถาบันการเงินหลายแห่งส่งผลให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ระงับการสั่งซื้ออุปกรณ์เพื่อการก่อสร้างบ้านใหม่ เนื่องจากการกู้เงินเพื่อซื้อบ้านเป็นไปได้ยากกว่าเดิม
"การปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านที่เข้มงวดขึ้น อุปสงค์และผลกำไรที่ลดลง ทำให้หลายบริษัทลดค่าจ้างและการสั่งซื้อสินค้าลง" ปีเตอร์ เครซท์เมอร์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากแบงค์ ออฟ อเมริกา คอร์ป ในนิวยอร์ก กล่าว "สภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่เหมาะกับการลงทุน"
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชน์มีกำหนดเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนอย่างเป็นทางการ ณ เวลา 8.30 น.ตามเวลาวอชิงตัน ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ระหว่างหดตัว 5.9% จนถึงขยายตัว 0.3%
หากไม่นับรวมยอดสั่งซื้ออุปกรณ์ด้านการขนส่ง นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนอาจหดตัว 0.5% ซึ่งถือเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 3 เดือน
ส่วนยอดขายบ้านมือหนึ่งจะได้รับการเปิดเผย ณ เวลา 10.00 น.ตามเวลาในสหรัฐ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ระหว่าง 493,000 - 555,000 หลัง สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--