นายหยู ยงติง อดีตที่ปรึกษาของคณะธรรมาธิการของธนาคารกลางจีนกล่าวว่า ญี่ปุ่น จีน และประเทศอื่นๆที่ถือครองตราสารหนี้ของรัฐบาลสหรัฐต้องเร่งเจรจากันทำข้อตกลงเพื่อป้องกันแรงเทขายที่มาจากภาวะตื่นตระหนกจนทำให้ตลาดเงินทั่วโลกต้องเผชิญภาวะล่มสลาย
"ในเมื่อเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว เราก็ต้องร่วมมือกัน" หยูกล่าวในการให้สัมภาษณ์ในกรุงปักกิ่ง "หากไม่มีแรงเทขายออกมาอย่างตื่นตระหนก จีนจะสามารถให้ความช่วยเหลือทางการเงินได้อย่างเต็มที่ด้วยการถือครองสินทรัพย์ของสหรัฐต่อไป"
โดยเขากล่าวว่า ข้อตกลงดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็น ดังนั้นทุกประเทศจึงไม่ควรแห่เทขายตราสารหนี้ที่จะทำให้ตลาดเงินล่มสลาย โดยญี่ปุ่นเป็นผู้ถือครองพันธบัตรของสหรัฐมากที่สุดถึง 5.93 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามด้วยจีนที่ถือครองสินทรัพย์สหรัฐเป็นมูลค่า 5.19 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนประเทศในเอเชียมีสินทรัพย์ของสหรัฐรวมกันคิดเป็นครึ่งหนึ่งของจำนวน 2.67 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐที่ต่างชาติถือครองอยู่ทั้งหมด
นอกจากนี้ เขายังแนะให้ประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และประเทศอื่นๆจัดประชุมกันโดยเร็วเพื่อเร่งทำข้อตกลงดังกล่าวโดยให้รัฐมนตรีคลัง ผู้ว่าการธนาคารและผู้นำประเทศควรเข้าเจรจาร่วมกัน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า วิกฤตสินเชื่อทั่วโลกที่มีต้นเหตุจากปัญหาตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาในสหรัฐได้ส่งผลให้สถาบันการเงินหลายแห่งเผชิญภาวะขาดทุนและต้องปรับลดมูลค่าทางบัญชีไปกว่า 5.20 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำให้วาณิชธนกิจแบร์ สเติร์นส์รวมถึงเลห์แมน บราเธอร์สต้องประสบภาวะล้มละลาย ขณะที่รัฐบาลสหรัฐต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือบริษัทอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นเนล กรุ๊ป อิงค์ (AIG) และบริษัทปล่อยกู้จำนองรายใหญ่อย่างแฟนนี เม และเฟรดดี แมคด้วยการเข้าซื้อกิจการของบริษัทเหล่านี้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--