ผู้ประกอบการเรือโดยสารหวั่นประสบปัญหาขาดทุนหลังยอมปรับลดค่าโดยสารลงแล้วแต่ปริมาณผู้โดยสารกลับไม่เพิ่ม ขณะที่ยังต้องแบกรับภาระต้นทุนค่าแรงงานและค่าซ่อมบำรุง โดยเตรียมหารือกรมขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี(ขน.)ขอปรับขึ้นค่าโดยสารอีกครั้งหากราคาน้ำมันดีเซลทรงตัวอยู่ที่ระดับลิตรละ 32 บาท
"หลังปรับลดค่าโดยสารแล้วสภาพต้นทุนของผู้ประกอบการไม่ดีขึ้น และอาจประสบปัญหาขาดทุน เพราะผู้ประกอบการยังต้องแบกรับภาระต้นทุนอื่นๆ นอกเหนือจากราคาน้ำมันที่ปรับราคาเพิ่มขึ้นไปแล้วและไม่ลดลงตามราคาน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็น ค่าแรงงานขั้นต่ำ ค่าอะไหล่ ค่าซ่อมบำรุง เหล่านี้ล้วนเป็นต้นทุน แต่การคำนวณค่าโดยสารไม่ได้ใช้ต้นทุนเหล่านี้เป็นตัวกำหนดอัตราค่าโดยสาร" น.ท.ปริญญา รักวาทิน อุปนายกสมาคมเรือไทย กล่าว
โดยในส่วนของผู้ประกอบการเรือด่วนเจ้าพระยาได้ปรับลดค่าเรือโดยสารตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งปริมาณผู้โดยสารไม่ได้เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่ที่วันละ 33,000-35,000 คน และคาดว่าแนวโน้มปริมาณผู้โดยสารจะลดลงด้วย เนื่องจากปัจจุบันระดับน้ำสูงทำให้เรือไม่สามารถใช้ความเร็วได้ ประกอบกับรัฐบาลยังให้ความช่วยเหลือประชาชนจากมาตรการรถเมล์ฟรี และเป็นช่วงปิดเทอม ทำให้ประชาชนให้บริการลดลง
น.ท.ปริญญา กล่าวว่า รัฐบาลยังไม่ให้การสนับสนุนการเดินทางทางเรืออย่างเต็มที่ โดยไม่มีโครงการพัฒนาและเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับการขนส่งทางเรือ เช่น ทางเข้าท่าเรือไม่สะดวก บางแห่งมีน้ำท่วม ทำให้ประชาชนไม่มีทางเลือกในการเดินทาง ต้องใช้การเดินทางบกเป็นหลักแม้ว่าจะมีปัญหาการจราจรติดขัดก็ตาม
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจะติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลต่อไปราว 3-6 เดือน หากราคาน้ำมันอยู่ในระดับลิตรละ 32 บาทต่อเนื่องก็คงต้องหารือร่วมกับ ขน.เพื่อขอปรับเพิ่มอัตราค่าเรือโดยสารให้อยู่ในระดับก่อนการปรับลดค่าโดยสารที่ผ่านมา
สำหรับอัตราค่าเรือโดยสารในปัจจุบัน เรือคลองแสนแสบ ปรับราคาลงระยะละ 2 บาท เป็น 10-20 บาท จากเดิม 12-22 บาท, เรือด่วนเจ้าพระยา ธงส้มและธงเหลือง ปรับราคาลงระยะละ 2 บาท โดยเรือธงส้มอยู่ที่ 15 บาทตลอดสาย จากเดิม 17 บาทตลอดสาย ส่วนเรือธงเหลืองอยู่ที่ 20-29 บาท จากเดิม 22-31 บาท, เรือด่วนธงประจำทาง ปรับราคาลงระยะละ 1 บาท เป็น 10-14 บาท จากเดิม 11-15 บาท
ส่วนเรือข้ามฟาก ปรับลดราคา 0.50 บาท เฉพาะท่าเรือที่มีผู้โดยสารไม่เกิน 5,000 คน โดยปรับราคาเป็น 2.50-3.50 บาท จากเดิม 3-4 บาท ส่วนท่าเรือที่มีผู้โดยสาร 5,000 คนขึ้นไป ซึ่งมีจำนวน 6 แห่ง ประกอบด้วย ท่าช้าง-วัดระฆัง ,ท่าช้าง-วังหลัง,ท่าพระจันทร์เหนือ-วังหลัง,ท่าพระจันทร์เหนือ-รถไฟ,ท่าพระจันทร์เหนือ-ปิ่นเกล้า ,ท่าปิ่นเกล้า-ฝั่งธนฯ-ฝั่งพระนคร ให้ใช้ค่าโดยสารเดิมเพราะที่ผ่านมาไม่ได้ปรับเพิ่มราคา
--อินโฟเควสท์ โดย คคฦ/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--