งบดุลบัญชีของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, ซิตี้กรุ๊ป, แบงค์ ออฟ อเมริกา และธนาคารรายอื่นๆในวอลล์สตรีท กำลังเผชิญกับภาวะสภาพคล่องถดถอย เนื่องจากบริษัทเอกชนหลายแห่งขอกู้เงินจำนวนมาก โดยเฉพาะบริษัทกู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ และบริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ที่กู้เงินจากสถาบันการเงินเหล่านี้ตั้งแต่ช่วงก่อนเกิดวิกฤตการณ์สินเชื่อในเดือนก.ค.ปีพ.ศ.2549
ผลการสำรวจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และศูนย์ข้อมูลเครดิตแห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่า เมื่อปีที่แล้ว ธนาคารในสหรัฐมีเงินทุนสำรองกว่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเกือบแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
จิม เทอร์เนอร์ นักวิเคราะห์จากบีเอ็นพี พาริบาส์ในนิวยอร์ก กล่าวว่า "ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งกำลังเผชิญกับภาวะสภาพคล่องตึงตัวเนื่องจากมีบริษัทยักษ์ใหญ่จำนวนมากยื่นขอวงเงินกู้ แม้บริษัทบางแห่งมีวินัยในการจ่ายอัตราดอกเบี้ยและผ่อนชำระเงินต้น แต่ก็มีบริษัทอีกหลายแห่งที่ถูกกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจนไม่สามารถผ่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้ตามกำหนด"
อย่างไรก็ตาม สก็อต ซิลเวสทรี โฆษกแบงค์ ออฟ อเมริกา, ไบรอัน มาร์ชิโอนี โฆษกเจพีมอร์แกน และดาเนียล โรมิโอ-อาซิออส โฆษกซิตี้กรุ๊ป ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อรายงานดังกล่าว สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--