นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ยืนยันว่า ขณะนี้ระบบสถาบันการเงินในไทยยังมีความมั่นคงเข้มแข็ง โดยมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(BIS) เกินกว่า 15% การเจริญเติบโตของสินเชื่อยังมีแนวโน้มที่ดี และมีโอกาสทำกำไร ขณะที่ยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)มีแนวโน้มลดลงจากระดับ 3% ในขณะนี้
ส่วนสภาพคล่องในตลาดการเงินของไทยในปัจจุบันยืนยันว่าไม่มีปัญหา แม้ว่าสภาพคล่องในต่างประเทศเริ่มมีความตึงตัวบ้าง จากผลกระทบวิกฤติสถาบันการเงินในสหรัฐ และหากมีผลกระทบมาถึงไทย ธปท.ก็มีกลไกที่พร้อมจะเข้าไปเสริมสภาพคล่องให้กับสถาบันการเงินทุกแห่งทันที
นางธาริษา กล่าวว่า ขณะนี้นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นในตลาดหุ้นไทย แม้ว่าจะมีเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลออกไป แต่เงินทุนสำรองทางการที่อยู่ในระดับสูงมากสามารถรองรับได้อย่างเพียงพอ ขณะที่เงินลงทุนส่วนหนึ่งที่อยู่ในตลาดตราสารหนี้ รวมทั้งตลาดพันธบัตรของไทยที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก จึงเชื่อว่าหากนักลงทุนต่างประเทศต้องการนำเงินลงทุนกลับไปช่วยบริษัทแม่คงเลือกหาแหล่งเงินจากประเทศอื่นมากกว่า
ขณะที่ผลกระทบด้านเงินกู้ต่างประเทศนั้น ประเทศไทยมีการกู้เงินจากสหรัฐและยุโรปไม่มากนัก เพราะส่วนใหญ่จะเป็นการกู้จากฝั่งญี่ปุนมากกว่า และสัดส่วนหนี้ต่างประเทศในปัจจุบันมีแค่ 30% ต่อจีดีพี ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งในจำนวนดังกล่าวก็เป็นหนี้ระยะยาวถึง 60%
นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธปท. มองว่าปัญหาสถาบันการเงินของสหรัฐมีโอกาสที่จะเกิดปัญหาลึกและเป็นระยะเวลายาวนาน ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจจริง แต่ ธปท.พร้อมที่จะดูแลเรื่องสภาพคล่องไม่ให้มีปัญหา โดยจะหาช่องทางอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบหากมีปัญหา
แต่รัฐบาลควรมีมาตรการอื่นๆ มาดูแลเพิ่มเติมด้วยนอกเหนือไปจากนโยบายการเงิน และควรมีมาตรการตั้งรับด้วย ขณะที่ปัจจัยในประเทศไม่ควรซ้ำเติมเศรษฐกิจอีก โดยเฉพาะปัญหาการเมืองควรยุติได้แล้ว
"ต้องไม่ยอมให้ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจริงมากเกินจำเป็น เพราะความเสี่ยงของการเติบโตของเศรษฐกิจโลกมีสูงอยู่แล้ว" นางอัจนา กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย ธปฦ/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--