นักวิเคราะห์คาดต้นทุนการกู้ยืมในเอเชียจะพุ่งรุนแรงหลังสภาคองเกรสคว่ำแผนฟื้นฟูภาคการเงิน

          นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ต้นทุนการกู้ยืมในเอเชียจะพุ่งสูงขึ้น โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินของญี่ปุ่นและสิงคโปร์จะทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 ปี หลังจากสภาคองเกรสสหรัฐปฏิเสธแผนฟื้นฟูภาคการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ แม้ว่าธนาคารกลางอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินก็ตาม
          เกร็ก กิบส์ นักวิเคราะห์จากธนาคาร ABN Amro Holdings Bank NV กล่าวว่า อัตราเงินกู้ข้ามคืนของญี่ปุ่นพุ่งขึ้นแตะระดับ 0.6% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 6 สัปดาห์ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงค์ประเภท 3 เดือนในสิงคโปร์พุ่งขึ้น 0.11% แตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือนที่ 3.90% เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ต้องการตุนเงินสดเอาไว้ ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในออสเตเรลียทะยานขึ้นรุนแรงสุดในรอบเกือบ 3 เดือน
          "ความวิตกกังวลระลอกใหม่กำลังเกิดขึ้นในภาคการธนาคาร ภาวะสินเชื่ออยู่ในระดับที่ตึงตัวอย่างหนัก นอกเสียจากว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก เพื่อให้ต้นทุนการกู้ยืมหรือต้นทุนการระดมทุนปรับตัวลดลง" กิ๊บส์กล่าว
          ทั้งนี้ ตลาดสินเชื่อทั่วโลกกำลังตกอยู่ในภาวะตึงตัวอย่างหนัก ส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐและยุโรปเร่งยื่นมือเข้าช่วยเหลือสถาบันการเงินผู้ปล่อยกู้ รวมถึงธนาคารวาโชเวีย ส่วนในโซนเอเชียนั้น มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นต้องขาดทุนถึง 506 ล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้จากการลงทุนในมอร์แกน สแตนลีย์มูลค่า 9 พันล้านดอลลาร์ หลังจากที่สภาคองเกรสไม่ยอมรับรองแผนการช่วยเหลือสถาบันการเงินสหรัฐมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์
          แอนิตา ยาเดฟ นักวิเคราะห์จากธนาคารยูบีเอส เอจี กล่าวว่า "วิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการขาดทุนของสถาบันด้านเดียว แต่เกิดจากธนาคารกลางไม่ได้ดำเนินการช่วยเหลืออย่างเต็มรูปแบบ จึงเป็นเหตุให้ต้นทุนการกู้ยืมพุ่งสูงขึ้น"
          นายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐกล่าวภายหลังจากสภาคองเกสไม่รับแผนฟื้นฟูภาคการเงินว่า "สภาคองเกรสจำเป็นต้องดำเนินการให้เร็วที่สุดเพื่ออนุมัติแผนฟื้นฟู เพราะตลาดทั่วโลกตกอยู่ในภาวะตึงตัว เราจำเป็นต้องใช้แผนฟื้นฟูเพื่อคลี่คลายวิกฤตการณ์" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน