นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ มอบหมายกรมส่งเสริมการส่งออกสั่งการไปยังทูตพาณิชย์ทั่วโลกให้ประเมินสถานการณ์ทางการค้าในแต่ละประเทศถึงผลกระทบที่ได้รับหลังจากสภาคองเกรสไม่ผ่านแผนกู้วิกฤติทางการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ โดยให้รายงานกลับมายังส่วนกลางเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาให้
"วิกฤติภายในสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะลุกลามเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ไปทั่วโลกนั้น สิ่งที่ทูตพาณิชย์จะต้องทำคือประเมินสถานการณ์เป็นรายเดือนเสนอกลับมายังกระทรวง จากเดิมที่ให้ประเมินเป็นรายไตรมาส เพื่อให้การส่งออกของไทยยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ คือขยายตัว 15-20% หากตลาดไหนมีปัญหาจะได้เข้าไปช่วยเหลือได้ทัน ส่วนการส่งออกปีหน้าต้องรอประเมินผลกระทบเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวอีกครั้ง" นายศิริพล กล่าว
นายศิริพล มองว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจไม่รุนแรงอย่างที่คาดกันไว้ เพราะขณะนี้รัฐบาลของประเทศในยุโรปและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดหลักส่งออกของไทย เริ่มมีแผนอัดฉีดเงินเข้าระบบเพื่อหยุดการลุกลามจากวิกฤตการเงินสหรัฐฯแล้ว เชื่อว่าจะช่วยลดแรงกดดันลงได้ และคงกระทบการส่งออกของไทยไม่มากนัก
"ตลาดใหม่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตสหรัฐ เช่น ตลาดอาเซียน มองว่ามีเพียงสิงคโปร์ที่จะได้ผลกระทบครั้งนี้มากสุด ส่วนตลาดอื่นๆในอาเซียนไทยยังคงส่งออกได้ดี และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นจากการเจาะตลาดใหม่ เพื่อทดแทนการส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ โดยกระทรวงฯยืนยันที่จะให้การส่งออกสินค้าไทยขยายตัวมากกว่าอัตราขยายตัวของการค้าโลกให้ได้" นายศิริพลกล่าว
นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง ที่ปรึกษาการพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศกำลังจับตามองสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศโดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้วอย่างใกล้ชิด หลังเกิดวิกฤตการเงินในสหรัฐฯ ที่จะส่งผลให้หลายประเทศต้องหามาตรการทางการค้าต่างๆ มาบังคับใช้ เพื่อปกป้องเศรษฐกิจภายใน และชะลอการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการค้าและการส่งออกของไทยในที่สุด
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--