สถาบันจัดอันดับเครดิตอย่าง สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ และฟิทช์ เรทติ้งส์ ต่างหันมาปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไอซแลนด์ หลังจากที่รัฐบาลไอซ์แลนด์ต้องเข้ามาช่วยเหลือธนาคาร Glitnir Bank ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ และมีอายุยาวนานถึง 104 ปี ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตการเงินโลกที่ขยายวงกว้างมากขึ้น
โดย S&P และฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ส่วนมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือไอร์แลนด์ที่ Aa1 และมีแนวโน้มว่าจะลดอันดับ เมื่อวานนี้ ฟิทช์ได้ปรับลดอันดับเครดิตสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวเป็น A- จากเดิมที่ A+ และระบุว่า อันดับความน่าเชื่อถืออาจจะถูกปรับลดลงอีก ส่วนเมื่อวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา S&P ได้ปรับลดความน่าเชื่อถือหนี้สกุลเงินต่างประเทศของไอซ์แลนด์เหลือ A- และชี้ว่าอาจจะปรับลดอันดับลงอีก
บลูมเบิร์กรายงานว่า ไอซ์แลนด์ได้เปิดเผยเมื่อวันที่ 29 ก.ย.ว่า จะเข้าซื้อหุ้น 75% ในธนาคารอายุ 104 ปีอย่าง Glitnir Bank hf ด้วยการลงทุนเป็นเงินจำนวน 600 ล้านยูโร หรือ 859 ล้านดอลลาร์ หลังจากที่เงินทุนระยะสั้นของธนาคารหดตัวลง การเข้ามาช่วยเหลือครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลในประเทศยุโรปได้เข้ามาช่วยเหลือสถาบันการเงินภายในประเทศให้รอดพ้นจากภาวะล้มละลายอันเนื่องมาจากวิกฤตสินเชื่อโลกที่ทำให้ธนาคารต่างๆต้องขาดทุนและลดมูลค่าสินทรัพย์ลงกว่า 5.50 แสนล้านดอลลาร์
โจแอน เฟลด์โบม-วิดรา นักวิเคราะห์ของมูดีส์ กล่าวว่า วิกฤตสินเชื่อที่รุนแรงขึ้นส่งผลให้มีการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก
ความเสี่ยงที่เกี่ยวกับระบบการธนาคารของไอซ์แลนด์อาจจะคลี่คลายลงได้ก็เมื่อรัฐบาลได้อัดฉีดเงินทุนเข้าช่วยธนาคาร Glitnir
ทั้งนี้ ธนาคาร Glitnir และ Kaupthing Bank hf เป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ ได้ปล่อยเงินกู้เพื่อการซื้อกิจการและการลงทุนในยุโรปเหนือ ด้วยการกู้ยืมเงินในตลาดเงินมากกว่าที่จะใช้เงินฝากของลูกค้าของธนาคาร
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--