กสิกรชี้เงินเฟ้อชะลอช่วยเพิ่มทางเลือกรัฐวางนโยบายศก.รับมือผลกระทบสหรัฐ

          บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป(CPI)ในเดือน ต.ค.51 จะต่ำลงมาอยู่ที่ประมาณ 5.4-5.7% และอาจชะลอลงอีกในช่วง 2 เดือนสุดท้ายถ้าราคาน้ำมันยังคงทรงตัวใกล้เคียงกับปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มชะลอตัว และอีกส่วนหนึ่งเป็นผลของฐานเปรียบเทียบที่สูงในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน(Core CPI)เดือน ต.ค.51 คาดว่าจะอยู่ที่ 2.6%
          โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั้งปี 51 จะอยู่ที่ประมาณ 6.2% และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณ 2.5%
          ทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลงนับได้ว่าเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจ ทั้งในด้านภาระค่าครองชีพที่ลดลงน่าจะมีส่วนช่วยสนับสนุนการใช้จ่ายของผู้บริโภค ขณะที่ในด้านการดำเนินนโยบายการเงินท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจโลกที่เผชิญปัญหาวิกฤตการณ์การเงินครั้งรุนแรงของสหรัฐฯ และกำลังลุกลามมาสู่ภูมิภาคยุโรป ทำให้หลายฝ่ายวิตกกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในระยะข้างหน้าที่อาจจะชะลอตัวลงลึกและยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ 
          "แรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดลงนี้ จะทำให้ทางการมีทางเลือกในเชิงนโยบายมากขึ้น เพื่อรับมือกับความผันผวนภายนอกประเทศที่อาจจะส่งผลกระทบสะท้อนมาสู่ภาคธุรกิจส่งออก รวมทั้งตลาดเงินตลาดทุนของไทย" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
          ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้ว่าประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม คือ สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่แม้ว่าจะปรับตัวลง แต่เป็นที่สังเกตว่าราคาน้ำมันเคลื่อนไหวในลักษณะที่มีความผันผวนสูง เนื่องจากทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกขณะนี้ไม่เพียงขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านอุปสงค์อย่างเดียว แต่ยังผันแปรตามมุมมองของตลาดการเงินที่มีต่อทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์ฯ 
          นอกจากนี้ยังต้องติดตามทิศทางราคาสินค้าเกษตรที่ภาวะน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมาได้สร้างความเสียหายต่อพื้นที่การเกษตร ประมงและปศุสัตว์ ซึ่งหากสถานการณ์ภัยธรรมชาติยังคงดำเนินต่อไป ก็อาจเป็นตัวแปรให้ราคาสินค้าเกษตรกลับไปมีระดับสูงขึ้นได้   
          ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศตัวเลขอัตราเงินเฟ้อในเดือน ก.ย.51 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6% ซึ่งถือว่าชะลอตัวลงจากเดือน ส.ค.51 ที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับ 6.4% และเงินเฟ้อในเดือน ก.ย.51 ถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 5 เดือน