นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง เปิดเผยว่า จากการหารือกับ ผู้บริหาร เอดีบี มีแนวคิดที่จะให้ประชาคมการเงินของเอเชียโดยเฉพาะในกลุ่ม อาเซียน +3 มีความร่วมมือกันในอนาคตรองรับผลกระทบจากวิกฤติการเงินในสหรัฐ โดยจะร่วมมือกันริเริ่มแนวทาง Asian New Deal ซึ่งจะผลักดันเข้าสู่เวทีโลกในเร็ว ๆ นี้
ADB มองว่า วิกฤติสหรัฐส่งผลกระทบด้านสภาพคล่องกับบางประเทศของกลุ่มอาเซียน+3 ขณะที่บางประเทศยังไม่ได้รับผลกระทบชัดเจน แต่ในที่สุดเชื่อว่าประเทศในกลุ่มอาเซียนที่พึ่งอาการส่งออกจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และทำให้ภาคการส่งออกชะลอตัวตามไปด้วย
ดังนั้น ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ควรกำหนดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยใช้การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ เพื่อลดผลกระทบดังกล่าว พร้อมทั้งริเริ่มแนวทาง Asian New Deal เพื่อรองรับผลกระทบจากวิกฤติทางการเงินในสหรัฐ พร้อม ๆ ไปกับการวางรากฐานการเจริญเติบโตในอนาคต
รัฐบาลแต่ละประเทศควรจะใช้ตลาดตราสารหนี้ในประเทศเป็นแหล่งระดมทุนในส่วนที่เป็น Local Content เนื่องจากยังไมได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินสหรัฐมากนัก
แต่ในส่วนที่เป็น Import Content รัฐบาลควรระดมเงินทุนจาก 3 แหล่ง คือ Bilateral Source จากจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เนื่องจากทั้ง 3 ประเทศ ยังมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่มาก, Multilateral Source เนื่องจากเป็นองค์กรประเภท Supranational ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินน้อย และการเพิ่มขนาด Asian Bond Fund 2 (ABF2) เพื่อให้เงินสำรองระหว่างประเทศของสมาชิกอาเซียน +3 ที่มีมูลค่ามหาศาล มาเสริมอุปสงค์ในตลาดตราสารหนี้ของประเทศสมาชิก
นายสุชาติ กล่าวอีกว่า เอดีบีพร้อมที่จะเพิ่มบทบาทในการจัดทำ Credit Enhancement ให้ภาคเอกชนในภูมิภาคเอเชีย เพื่อรองรับความต้องการการระดมทุนของภาคเอกชน ที่จะเข้าร่วมโครงการลงทุนภาครัฐ นอกจากนี้ ประเทศอาเซียน+3 ควรร่วมมือจัดตั้ง Credit Enhancement Unit เป็นการเฉพาะ เพื่อรับประกันความน่าเชื่อถือให้ภาคเอกชนที่ต้องการกู้เงิน นำไปลงทุนโครงการลงทุนภาครัฐ เพื่อให้มีต้นทุนกู้เงินต่ำลง
นอกจากนี้ ควรมีมาตรการสนับสนุน เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนทางการคลัง ภายใต้ Asian New Deal โดยเร่งให้เกิดระบบเศรษฐกิจระหว่างประเทศภายใต้อาเซียน+3 ให้มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการร่วมกันมากขึ้น ทดแทนการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก เร่งกระบวนการความร่วมมือภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซีน และเร่งรัดความร่วมมือระหว่างอาฟต้ากับ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
ส่วนแนวทางการดำเนินการของไทย ภายใต้การเร่งรัดโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ เพื่อสร้างรากฐานการเติบโตของเศรษฐกิจที่ยั่งยืน จะมีการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับต้นทุนภาคการขนส่ง เพื่อลดต้นทุนการดำเนินการของเศรษฐกิจทั้งระบบ และผลกระทบต่อความผันผนวนของราคาพลังงาน แก้ปัญหาน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างพื้นฐานการปลูกพืชพังงานทดแทนได้อย่างเพียงพอ และเป็นแหล่งอาหารของโลก
ด้านนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กล่าวว่า รมว.คลัง เตรียมนำมาตรการ Asian New Deal เสนอต่อเวทีต่างประเทศ โดยในสัปดาห์หน้า รมว.คลัง จะเข้าร่วมประชุมประจำปี ธนาคารโลก และสภาผู้ว่าการ ธนาคารกลาง ที่ กรุงวอชิงตันดีซี สหรัฐ ฯ และจะใช้โอกาสนี้นำเสนอแนวคิดดังกล่าวเพื่อประสานต่อให้เกิดผล และความร่วมมือระหว่างกัน
--อินโฟเควสท์ โดย จารุวรรณ ไหมทอง/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--