เจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค เปิดเผยว่า บรรดาผู้ผลิตของสหรัฐต่างเผชิญแรงบีบคั้นจากวิกฤตสินเชื่อ ขณะที่วิกฤตความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ถดถอยส่งผลให้สหรัฐมีการปรับลดอัตราการจ้างงานและการส่งคำสั่งซื้ออุปกรณ์ใหม่ๆ
บรูซ แคสแมน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากเจพีมอร์แกนกล่าวว่า "ส่วนต่างอัตราผลกำไรปรับตัวลดลงในระยะนี้ขณะที่ธุรกิจมีความอ่อนไหวต่อความตื่นตระหนกจากภาวะขาลงมากขึ้นเรื่อยๆ และแม้ว่าสภาคองเกรสจะมีมติเห็นชอบมาตรการกู้วิกฤตแบงก์ในท้ายที่สุด แต่อัตราการใช้จ่ายและปรับลดการจ้างงานจะเพิ่มมากขึ้น"
ชาร์ท ออฟ เดอะ เดย์ ได้เปรียบเทียบดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารและเชื้อเพลิงกับดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งผลปรากฏว่าดัชนี PPI พุ่งแซงหน้าดัชนี CPI ในเดือนก.ค. ด้วยส่วนต่างที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2528 ซึ่งส่งสัญญานให้เห็นว่าผู้ผลิตไม่สามารถผลักภาระต้นทุนให้กับผู้บริโภคได้
"เรามองว่าธุรกิจสหรัฐจะเผชิญช่วงขาลงในอีก 2 ไตรมาสที่จะถึงนี้ โดยคาดว่าค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 8% ต่อปี พร้อมทั้งคาดว่าตัวเลขการจ้างงานจะลดลงอัตราเฉลี่ยที่ 150,000 รายต่อเดือน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเป็น 2 เท่าในปีนี้" แคสแมนกล่าว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--