คณะกรรมการพิจารณาการออกพันธบัตรสกุลเงินบาท(บาทบอนด์) ได้พิจารณาถึงการออกบาทบอนด์ของสถาบันการเงินและภาคเอกชนต่างประเทศ 13 แห่งในปี 51 ที่ได้รับอนุญาตยังเหลือโควต้าอยู่อีกกว่า 4 หมื่นล้านบาท โดยยืนยันว่าจะไม่มีการระงับการออกบาทบอนด์จำนวนดังกล่าว เพราะเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องในประเทศ ทั้งนี้หากมีการยกเลิกโควต้าดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการ ฯ ซึ่งประกอบด้วย กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ซึ่งเห็นพ้องกันว่าจะร่วมกันติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด
สำหรับปี 52 ยังไม่ได้กำหนดวงเงินการออกบาทบอนด์ แต่จะมีการพิจารณาเป็นครั้งคราวไป ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพคล่องในประเทศด้วย และจะมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเบื้องต้น เช่น การร่นระยะเวลาให้ผู้ออกบาทบอนด์ต้องนำออกมาปล่อยกู้ต่อให้กับนักลงทุนในประเทศจากเดิม 6 เดือน ลดเหลือ 3 เดือน กรณีที่ไม่นำมาปล่อยกู้ต่อให้กับนักลงทุนก็ให้สวอปกลับไปเป็นเงินสกุลต่างประเทศจากเดิม 6 เดือน ลดเหลือ 3 เดือน ซึ่งจะช่วยให้สามารถดูแลสภาพคล่องในประเทศได้ง่ายยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การอนุมัติออกบาทบอนด์จะพิจารณาจากการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ(เครดิตเรทติ้ง)โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มและมีความเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เกิดความคล่องตัวในการดูแลสภาพคล่องในประเทศได้มากขึ้น
ทั้งนี้ คณะกรรมการพิจารณาการออกบาทบอนด์จะเชิญผู้แทนสมาคมธนาคารไทยมาชี้แจงความเข้าใจถึงหลักเกณฑ์ใหม่ พร้อมรับฟังความคิดเห็นและความวิตกกังวลจากผู้ประกอบการด้วย
--อินโฟเควสท์ โดย จารุวรรณ ไหมทอง/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--