เจมส์ บัลลาร์ด ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ และโธมัส โฮนิก ผู้ว่าการเฟดสาขาแคนซัสซิตี้ กล่าวว่า พวกเขาไม่สนับสนุนให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ยหลังจากเกิดวิกฤตการณ์การเงินครั้งใหญ่สุดในรอบ 70 ปีในสหรัฐ
"การลดอัตราดอกเบี้ยอาจจะไม่ใช่การตอบสนองที่ถูกต้องนัก เพราะสหรัฐยังเผชิญปัญหาเงินเฟ้อ" บัลลาร์ดกล่าว ขณะที่โฮนิกกล่าวว่า "นโยบายที่เฟดใช้ในปัจจุบันก็สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีอยู่แล้ว"
นักวิเคราะห์และนักลงทุนส่วนใหญ่จับตาดู เบน เบนเบอร์นันเก้ ประธานเฟดที่เตรียมแถลงมุมมองเศรษฐกิจต่อสภาคองเกรสในวันอังคารที่ 7 ต.ค.นี้ เพื่อประเมินว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดจะส่งสัญญาณเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินก่อนการประชุมเฟดวันที่ 25-29 ต.ค.หรือไม่ แต่ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่าบัลลาร์ดและโฮนิกจะไม่ออกเสียงสนับสนุนการลดดอกเบี้ยในปีนี้
กระแสคาดการณ์เรื่องเฟดอาจลดอัตราดอกเบี้ยได้แพร่กระจายในวงกว้าง หลังจากวิกฤตสินเชื่อส่งผลให้เลห์แมน บราเธอร์สล้มละลายเมื่อเดือนที่แล้ว และยังส่งผลให้รัฐบาลเข้าเทคโอเวอร์กิจการบริษัทอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (AIG), แฟนนี เม และเฟรดดี แมค อีกทั้งบีบให้เมอร์ริล ลินช์ ขายกิจการให้แบงค์ ออฟ อเมริกา, ธนาคารวาโชเวียขายกิจการให้ซิตี้กรุ๊ป และวอชิงตัน มูชวล ขายกิจการให้เจพีมอร์แกน
"เมื่อตลาดสินเชื่อตกอยู่ในภาวะขาดสภาพคล่อง ประชาชนก็เริ่มหวั่นวิตกและขาดความเชื่อถือในสถาบันการเงิน ขณะที่สถาบันการเงินเองก็ไม่ยอมปล่อยสินเชื่อเพราะกลัวว่าผู้กู้ยืมจะผิดนัดชำระหนี้ ความไม่วางใจต่อกันและกันเช่นนี้เป็นเหตุให้สถานการณ์แย่ลง และทำให้กลไกในตลาดการเงินเคลื่อนไหวอย่างไม่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งทำให้เกิดความซับซ้อนและทำให้เกิดความยากลำบากในการเข้าถึงเงินกู้" โฮนิกกล่าวกับผู้สื่อข่าว
"แต่ถึงกระนั้น เฟดก็ยังไม่ควรลดดอกเบี้ยในยามที่เศรษฐกิจเปราะบางมากเช่นนี้ ผมคิดว่าสิ่งที่ยากและท้าทายที่สุดสำหรับเฟดก็คือการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่เหมาะสม เพราะถ้าเฟดออกมาเคลื่อนไหวเรื่องดอกเบี้ยเร็วไปหรือช้าไป ก็จะขัดขวางการขยายตัวของเศรษฐกิจได้" เขากล่าว สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--