สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ หรือ สภาคองเกรส ลงมติอนุมัติร่างกฎหมายฟื้นฟูภาคการเงินฉบับปรับปรุงใหม่วงเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์ ด้วยคะแนนเสียง 263 ต่อ 171 เสียง หลังจากได้ลงมติคว่ำร่างกฎหมายฉบับแรกไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่วุฒิสภาให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายฉบับแก้ไขด้วยคะแนนเสียง 74 ต่อ 25 เสียงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ร่างกฎหมายฉบับใหม่ที่ได้รับการแก้ไขแล้วนี้ได้มีการเพิ่มเติมเนื้อหาบางส่วน ซึ่งรวมถึงการเพิ่มค้ำประกันวงเงินฝากธนาคารที่ได้รับการค้ำประกันโดยบรรษัทประกันเงินฝากแห่งสหรัฐ (FDIC) จากเดิมที่ 100,000 ดอลลาร์ เป็น 250,000 ดอลลาร์ มีเป้าหมายเพื่อให้ความมั่นใจแก่ผู้ฝากเงินว่าเงินฝากของประชาชนจะได้รับความคุ้มครองและเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการถอนเงินออกไปเป็นจำนวนมาก และจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้ในมาตรการลดหย่อนภาษีมูลค่า 1.49 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือประชาชนทั่วไป
อย่างไรก็ดี หลักการสำคัญของร่างกฎหมายนี้ยังคงเดิมคือ การให้กระทรวงการคลังระดมเงินกู้มารับซื้อสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ที่กำลังกลายเป็นหนี้เสียจากบรรดาสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อให้สถาบันการเงินเหล่านี้ได้รับความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และกล้าที่จะปล่อยกู้ให้แก่กันได้ ซึ่งจะทำให้สถาบันการเงินกลับมีเสถียรภาพและช่วยให้ระบบเศรษฐกิจทำงานตามกลไกปกติ
หลังจากสภาคองเกรสอนุมัติร่างกฎหมายฟื้นฟูภาคการเงินได้ไม่นาน ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ได้ลงนามผ่านร่างให้กฎหมายฉบับดังกล่าวมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายอย่างเป็นทางการ โดยบุชกล่าวให้สัมภาษณ์ว่า "ที่ผ่านมาเราผลักดันร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวอย่างจริงจังเพื่อปกป้องเศรษฐกิจให้รอดพ้นจากวิกฤตการณ์ที่รุนแรง ภาวะสินเชื่อตึงตัวกำลังคุกคามเศรษฐกิจของเรา และเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาที่เกิดขึ้นในวอลล์สตรีทลุกลามเข้าไปในภาคส่วนอื่นๆของระบบเศรษฐกิจ" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล โทร.0-2253-5050 อีเมล์: orasa@infoquest.co.th--