ผู้นำยุโรปหวั่นวิกฤตสินเชื่อลุกลาม ร่วมใช้มาตรการอุ้มแบงค์-ปกป้องผู้ฝากเงิน

          ภาวะสินเชื่อตึงตัวทั่วโลกได้ลุกลามเข้าสู่ยุโรปแล้ว ขณะที่ผู้นำรัฐบาลในประเทศยุโรปยืนยันว่าจะใช้มาตรการช่วยเหลือธนาคารที่ประสบปัญหา ควบคู่ไปกับการปกป้องกลุ่มผู้ฝากเงิน
          ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มประเทศยุโรปได้จัดประชุมสุดยอดวาระพิเศษขึ้น โดยมีผู้นำเยอรมนี อังกฤษ อิตาลี เข้าร่วมประชุม นอกจากนี้ ยังมีนายโฮเซ มานุเอล บาร์รอสโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และนายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ด้วย โดยมีการหารือเกี่ยวกับภาวะผันผวนในตลาดการเงินทั่วโลกที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และวิกฤตการณ์การเงินที่กำลังลุกลามเข้าสู่ยุโรปในเวลานี้
          การประชุมดังกล่าวมีขึ้นหลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ หรือ สภาคองเกรส ลงมติอนุมัติร่างกฎหมายฟื้นฟูภาคการเงินฉบับปรับปรุงใหม่วงเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์ ด้วยคะแนนเสียง 263 ต่อ 171 เสียง ในการประชุมเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา และหลังจากสภาคองเกรสอนุมัติร่างกฎหมายฟื้นฟูภาคการเงินได้ไม่นาน ประธานาธิบดีบุชได้ลงนามผ่านร่างให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายอย่างเป็นทางการ
          ทอร์สเทน สล็อค นักวิเคราะห์จากดอยช์แบงค์ เอจี กล่าวว่า "ที่ผ่านมายังไม่เคยปรากฏว่าประเทศยุโรปร่วมมือกันในการใช้มาตรการช่วยเหลือธนาคารที่ประสบปัญหา แต่ขณะนี้คงถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะจับมือร่วมกันเพื่อปกป้องเศรษฐกิจไม่ให้ถูกกระทบจากวิกฤตการณ์ด้านการเงิน การให้ความร่วมมือไม่ควรกระจุกตัวอยู่แค่ในสหรัฐและในยุโรป แต่แบงค์พาณิชย์ทั่วโลกควรร่วมมือกันด้วย"
          ความร่วมมือครั้งสำคัญเกิดขึ้นหลังจากสถาบันการเงินในยุโรปประสบปัญหา นับตั้งแต่ฟอร์ติส กลุ่มธุรกิจธนาคารและการประกันภัยยักษ์ใหญ่ของกลุ่มประเทศเบเนลักซ์ (เบลเยี่ยม, เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก)  กลิตนีร์ ธนาคารยักษ์ใหญ่อันดับ 3 ของไอซ์แลนด์  เด็กเซีย ธนาคารสัญชาติเบลเยียม-ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้นำด้านพันธบัตรเทศบาลในยุโรป 
          ล่าสุด ปัญหาขาดสภาพคล่องก็ได้เกิดขึ้นกับบริษัท ไฮโป เรียล เอสเตท (Hypo Real Estate) สถาบันการเงินด้านการจำนองอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของเยอรมนี จนรัฐบาลเยอรมนี ร่วมกับธนาคารพาณิชย์และบริษัทประกันภายในประเทศ ตกลงจัดตั้งวงเงินกู้ฉุกเฉินเป็นวงเงินรวม 5 หมื่นล้านยูโร หรือ 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับไฮโป เรียล เอสเตท สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน