ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งได้รับอำนาจภายใต้กฏหมายฟื้นฟูภาคการเงินที่สภาคองเกรสเพิ่งอนุมัติไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประกาศมาตรการแก้ปัญหาวิกฤตการเงิน โดยการดำเนินการครั้งล่าสุดนี้เฟดร่วมมือกับกระทรวงการคลังสหรัฐ
มาตรการดังกล่าวครอบคลุมถึงการจัดตั้งวงเงินพิเศษเพื่อซื้อตราสารเชิงพาณิชย์หรือตั๋วสัญญาใช้เงินระยะสั้น ซึ่งเป็นเครื่องมือการลงทุนที่บริษัทเอกชนนำออกจำหน่ายเพื่อหาเงินมาใช้ในการดำเนินธุรกิจรายวัน และการปล่อยกู้แบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อปล่อยสินเชื่อเข้าไปในระบบอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เฟดจะเริ่มจ่ายดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และเพิ่มการปล่อยกู้แก่ธนาคารเป็น 900,000 ล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง
ในด้านกระทรวงการคลังนั้น นายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังประกาศแต่งตั้งนายนีล คัชคารี ผู้ช่วยรัฐมนตรีและอดีตผู้บริหารโกลด์แมนแซคส์ เป็นหัวหน้าสำนักงานสร้างเสถียรภาพการเงิน โดยขอบข่ายงานของนายคัชคารีครอบคลุมถึงการดูแลโครงการปลดเปลื้องสินทรัพย์ที่มีปัญหาซึ่งก่อตั้งขึ้นตามกฏหมายฟื้นฟูภาคการเงิน ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังเตรียมสรรหาผู้จัดการสินทรัพย์สำหรับโครงการฟื้นฟูภาคการเงิน ซึ่งรวมถึงผู้จัดการสินทรัพย์เพื่อการจดจำนองและหลักทรัพย์จดจำนองที่มีปัญหา
เบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดกล่าวว่า "การจัดตั้งวงเงินพิเศษเพื่อซื้อตราสารพาณิชย์หรือตั๋วสัญญาใช้เงินระยะสั้น จะช่วยให้สถาบันการเงินสามารถเข้าถึงแหล่งระดมทุนได้ง่ายขึ้น และช่วยลดภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ"
อย่างไรก็ตาม มาตรการครั้งล่าสุดของเฟดไม่สามารถคลี่คลายความวิตกกังวลของนักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้ โดยเมื่อคืนนี้ดัชนีดาวโจนส์ปิดทรุดลง 508.39 จุด หรือ 5.11% แตะที่ 9,447.11 จุด เนื่องจากนักลงทุนมองว่าความพยายามของเฟดและรัฐบาลสหรัฐยังไม่มากพอที่จะคลี่คลายวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้
นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า เฟดอาจต้องใช้ยุทธวิธีในแบบฉบับของเฟดหากตลาดการเงินยังคงตกอยู่ในภาวะปั่นป่วน โดยคาดว่าหนึ่งในยุทธวิธีที่เบอร์นันเก้จะนำมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นและกอบกู้ความเชื่อมั่นในตลาดการเงินให้กลับคืนมาก็คือ การปรับลดอัตราดอกเบี้ย และการจัดตั้งวงเงินกู้ฉุกเฉิน ซึ่งอาจดำเนินการร่วมกับธนาคารกลางอื่นๆทั่วโลก
เคธ เฮมบรี หัวหน้านักวิเคราะห์จาก FAF Advisors Inc กล่าวว่า "มีความเป็นไปได้สูงมากที่เฟดจะลดดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นลงเหลือ (fed fund rate) 1.50% จากปัจจุบันที่ระดับ 2.00% นอกเหนือจากการลดดอกเบี้ยแล้ว คาดว่าเฟดจะหาทางเลือกอื่นๆในการกอบกู้วิกฤตการณ์ในภาคการเงิน รวมถึงการปล่อยวงเงินกู้ฉุกเฉิน" สำนักข่าวเอพีรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--