จำนวนชาวอเมริกันที่ทำสัญญาซื้อบ้านในเดือนส.ค.มีแนวโน้มปรับตัวลดลง เนื่องจากวิกฤตสินเชื่อที่ตึงตัวและดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่พุ่งสูงขึ้น
นักวิเคราะห์ 38 รายจากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดว่า ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขายประจำเดือนส.ค.ของสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐอาจลดลง 1.3% หลังจากที่ร่วงลง 3.2% ในเดือนก.ค.
ยอดขายบ้านมีแนวโน้มร่วงลงต่อเนื่อง เพราะธนาคารวิตกกังวลว่ามูลค่าสินทรัพย์ในตลาดที่อยู่อาศัยจะจมดิ่งลงอีก ขณะที่การยึดทรัพย์หลุดจำนองจะปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งภาวะดังกล่าวกดดันให้ธนาคารไม่ต้องการออกเงินกู้มากนัก ขณะที่ความเลวร้ายทางเศรษฐกิจอาจยิ่งย่ำแย่ลงในไม่กี่เดือนต่อจากนี้ เนื่องจากการใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวลดลง และสถานการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ทรุดตัวลงยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
"ยอดขายบ้าน การเริ่มสร้างบ้านและราคาบ้านยังคงปรับตัวลดลง โดยไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลงในเร็วๆนี้" ไนเกล โกลต์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากโกลบอล อินไซท์ อิงค์ กล่าว "เศรษฐกิจเคลื่อนไหวในช่วงขาลงมาตั้งแต่ก่อนที่วิกฤตสินเชื่อจะทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้"
ทั้งนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐมีกำหนดรายงานตัวเลขการทำสัญญาซื้อบ้านรอปิดการขายประจำเดือนส.ค.ในเวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น และจะเปิดเผยตัวเลขยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนก.ย.ในวันที่ 24 ตุลาคม หลังจากที่ยอดขายบ้านในเดือนส.ค.ปรับตัวลดลง 2.2% แตะที่ 4.91 ล้านหลังต่อปี จากระดับ 5 ล้านหลังในเดือนก่อนหน้านี้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--