คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันนี้ (8 ต.ค.) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน ไว้ที่ 3.75% ต่อปี โดยเห็นว่าเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากผลกระทบปัญหาวิกฤติด้านเศรษฐกิจในต่างประเทศ ขณะที่แรงกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อปรับลดลงแล้ว
นางสาวดวงมณี วงศ์ประทีปป ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธปท.กล่าวว่า ปัญหาวิกฤติสถาบันการเงินในต่างประเทศได้ลุกลามไปยังเศรษฐกิจที่แท้จริงแล้ว ทั้งในสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบถึงการส่งออกของไทยด้วย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในประเทศลดลงตามการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมัน ด้านปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นบั่นทอนความเชื่อมั่นให้ลดลงไปด้วย
ธปท.มีกำหนดจะทบทวนประมาณการเศรษฐกิจในปี 51-52 จากปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไป โดยจะมีการแถลงในวันที่ 17 ต.ค.นี้
นางสาวดวงมณี กล่าวว่า ที่ประชุม กนง.วันนี้ พิจารณาภาวะเศรษฐกิจ และแนวโน้มในระยะต่อไป เพื่อกำหนดแนวนโยบายการเงินที่เหมาะสม โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดในเดือนสิงหาคมชี้ว่าเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวลงจากทั้งอุปสงค์ในประเทศ และต่างประเทศ
นอกจากนี้ ความเสี่ยงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะต่อไปจะมีมากขึ้นจาก ผลกระทบของวิกฤตการณ์ทางการเงินโลก รวมถึงปัจจัยการเมืองในประเทศ
อย่างไรก็ดี คณะกรรมการฯ ประเมินว่ารายได้เกษตรกรที่ขยายตัวสูงและอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มลดลงจะช่วยให้อำนาจซื้อของประชาชนมีแนวโน้มดีขึ้น และมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ต่อเนื่อง ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อปรับลดลงมากเทียบกับการประชุมครั้งก่อนจากราคาน้ำมันที่ลดลง แต่ยังมีแรงกดดันเงินเฟ้ออยู่จากการส่งผ่านต้นทุนและการทยอยปรับราคาของสินค้าที่อยู่ภายใต้มาตรการ ดูแลของทางการ
ในการประชุมครั้งก่อน ธปท.ใช้สมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบที่ 119.6 เหรียญ สรอ./บาร์เรล แต่ในครั้งนี้ใช้ที่ 104 เหรียญสรอ./บาร์เรล และในปี 52 เดิมใช้สมมติฐานที่ราคา 135 เหรียญ สรอ./บาร์เรล ลดเหลือ 95 เหรียญ สรอ./บาร์เรล แต่ราคาน้ำมันยังมีความเสี่ยงที่จะผันผวนตามเศรษฐกิจโลก ทำให้แรงกดดันเงินเฟ้อยังมีอยู่ ประกอบกับ สินค้าที่ควบคุมราคาอยู่ยังมีโอกาสปรับขึ้น นอกจากนั้น"6 มาตรการ 6 เดือน" ใกล้จะสิ้นสุดโครงการแล้ว อาจเร่งให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นมาได้อีกครั้ง
สำหรับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นปัจจุบันกระทบต่อการบริโภค การลงทุน และความมั่นใจของภาคธุรกิจซึ่งเสี่ยงต่อ Growth แต่ยังมองว่า ปีหน้าการส่งออกยังดีอยู่ เพราะมีการกระจายการส่งออกไปตลาดใหม่ ขณะที่ปัญหาการเมืองกระทบต่อการท่องเที่ยวด้วย ดังนั้น นโยบายการเงินในช่วงต่อไปจะเป็นไปแบบผ่อนคลายมากขึ้น แต่จะผ่อนคลายมากหรือน้อยขึ้นกับสถานการณ์
ทีผ่านมา รัฐบาลเบิกจ่ายไม่ได้ตามเป้า เศรษฐกิจจึงแผ่วลง อย่างไรก็ตาม กนง.ชุดใหม่ก็จะมีการปรับเปลี่ยนเป้าเงินเฟ้อใหม่ แต่ต้องหารือหน่วยงานเศรษฐกิจอื่นๆ ก่อน แต่ยืนยันว่าต้องดำเนินการภายในปีนี้เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของรัฐบาล พร้อมยืนยันสภาพคล่องในระบบยังเพียงพอ และหากมีปัญหา ธปท.ก็พร้อมจะเข้าไปช่วยเหลือ
--อินโฟเควสท์ โดย ธปฦ/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--