จีนลดดอกเบี้ยตามเฟด-แบงค์ใหญ่สะท้อนระบบการเงินโลกที่เป็นหนึ่งเดียวมากขึ้น

ข่าวต่างประเทศ Thursday October 9, 2008 10:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          การที่ธนาคารกลางจีนได้ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลงเมื่อวานนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ กับธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางสวีเดน ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ และธนาคารกลางแคนาดา ประกาศลดดอกเบี้ยไปเพียงไม่กี่นาทีนั้น สะท้อนให้เห็นว่า จีนซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจรายใหญ่อันดับ 4 ของโลกได้กลายมาเป็นหนึ่งในระบบการเงินโลกแล้ว 
เจมส์ ลิลลีย์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงปักกิ่ง กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางประเทศต่างๆว่า ญี่ปุ่นยังคงเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจรายหนึ่ง แต่จีนก็เป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน ซึ่งทั้ง 2 ประเทศได้เข้ามามีส่วนร่วมในประชาคมการเงินโลกเพื่อรับมือกับวิกฤตการเงินมากขึ้นด้วยรูปแบบความเคลื่อนไหวของตนเอง
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของจีนขยายตัว 10.1% ในไตรมาส 2 จากระดับปีที่แล้ว ส่วนการส่งออกของจีนได้รับผลกระทบอย่างหนักจากความต้องการสินค้าในสหรัฐและยุโรปที่ร่วงลงอย่างหนัก ตรงกันข้ามกับสถานการณ์ในญี่ปุ่นที่เป็นหนึ่งในสมาชิกรุ่นก่อตั้งกลุ่มประเทศ G6 ขึ้นเมื่อปี 2518 ในขณะที่จีนเองยังอยู่ภายใต้การปกครองของเหมา เจ๋อตุง อยู่ในขณะนั้น
บลูมเบิร์กรายงานว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นเผยสาเหตุที่ยังไม่ลดดอกเบี้ยลง เนื่องจากมองว่าอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% นั้นอยู่ในระดับที่ต่ำมากอยู่แล้วสำหรับช่วงเวลาที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังชะลอตัวลง โดยธนาคารกลางญี่ปุ่นได้แสดงจุดยืนในการสนับสนุนต่อความร่วมมือกันในการลดดอกเบี้ยครั้งนี้
เมื่อวานนี้ ธนาคารกลางจีนได้ลดดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากลง 0.27% จากระดับ 6.93% และ 3.87% ตามลำดับ
การลดดอกเบี้ยของจีนแสดงให้เห็นความวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบจากวิกฤตสินเชื่อที่มีต่อเศรษฐกิจจีน โดยดัชนี CSI 300 ตลาดหุ้นจีนร่วง 3.8% เมื่อวานนี้ หลังจากที่ปีนี้ ดัชนีตกลงมาแล้ว 62%
นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ของจีน เคยกล่าวสุนทรพจน์ทางโทรทัศน์เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ว่า จีนต้องการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาของโลก ทุกประเทศควรจะใช้มาตรการเชิงรุก เพื่อรับมือกับวิกฤตดังกล่าว และป้องกันไม่ให้วิกฤตลุกลามไป ขณะที่ธนาคารกลางจีนได้ออกมาประกาศหลังจากนั้นว่า เรามีผลประโยชน์และเป้าหมายเดียวกันในการเผชิญกับวิกฤต ทุกประเทศควรจะร่วมมือและรับผิดชอบร่วมกัน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ