ธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มที่จะใช้มาตรการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเพิ่มขึ้น หลังจากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยและสัดส่วนสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ในประเทศเมื่อวานนี้ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ปั่นป่วนวุ่นวายในตลาดเงินทั่วโลก
จิง อัลริช นักวิเคราะห์จากเจพี มอร์แกนกล่าวว่า ความท้าทายทางเศรษฐกิจของจีนเริ่มปรากฏให้เห็นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทางการต้องผ่อนคลายนโยบายทางการเงินและนโยบายใช้จ่ายงบการเงินในเชิงรุกมากยิ่งขึ้น
"เราคาดว่ารัฐบาลจีนจะยังคงผ่อนคลายนโยบายทางการเงินอย่างต่อเนื่องและจะจัดตั้งกองทุนเพื่อกระตุ้นการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ" อัลริชกล่าว
สำนักข่าวซินหัว ไฟแนนซ์รายงานว่า เมื่อวานนี้ ธนาคารกลางจีนได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากลง 0.27% โดยกล่าวว่า ธนาคารได้ปรับลดสัดส่วนสำรองเงินฝาก 0.5% ไปอยู่ที่ระดับ 16% ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ต.ค.นี้
อัลริชเปิดเผยว่า การใช้นโยบายเพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่างๆเพิ่มเติมนั้นอาจรวมถึงการใช้มาตรการกระตุ้นภาคธุรกิจสำคัญๆ เช่น ภาคอสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรมการเกษตร รวมทั้งกระตุ้นการใช้จ่าย การส่งออก และตลาดเงิน
ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางจีนมีขึ้นเพื่อหวังที่จะรับมือกับภาวะไร้เสถียรภาพในตลาดเงินทั่วโลกและความวิตกกังวลต่อภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจในประเทศที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--