หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์ส ของอังกฤษ รายงานผ่านทางเว็บไซต์ในวันนี้ว่า กรุ๊ป บองก์ โปปูแลร์ (Groupe Banque Populaire) และ กรุ๊ป แกสส์ เดปาญ (Group Caisse d’Epargne) สองธนาคารชั้นนำของฝรั่งเศส กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาควบกิจการ เพื่อที่จะฝ่าฟันพายุวิกฤตการเงินที่กำลังแผ่ขยายลุกลามทั่วโลกไปให้ได้
ถ้าการควบรวมกิจการของสองธนาคารซึ่งไม่ได้จดทะเบียนแล้วเสร็จ จะทำให้เกิดเป็นกลุ่มการเงินรายใหญ่อันดับ 4 ของฝรั่งเศส ในแง่ของสินทรัพย์ ตามหลังธนาคารโซซิเอเต เจเนราล (ซอคเจน) และจะเป็นอันดับ 2 ในแง่ของธนาคารเพื่อรายย่อย รองจากเครดิต อากริโกล ที่เข้าเทคโอเวอร์ เครดิต ลียงเนส์ ในปีพ.ศ. 2546
การเจรจาเพื่อควบกิจการของสองธนาคารอาจใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะได้ข้อสรุป และคาดว่าการหารือกันนั้นไม่น่าจะเป็นไปโดยสะดวกราบรื่นนัก
ทั้งนี้ นาติซีส์ (Natixis) วาณิชธนกิจของฝรั่งเศส ซึ่งธนาคารทั้งสองแห่งเป็นเจ้าของหุ้นรวม 70% ประสบกับภาวะขาดทุนสุทธิถึง 900 ล้านยูโร (1.2 พันล้านดอลลาร์) ในระหว่างเดือนม.ค.-มิ.ย. อันเป็นผลพวงมาจากวิกฤตซับไพรม์สหรัฐ ซึ่งเชื่อกันว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ บองก์ โปปูแลร์ และ แกสส์ เดปาญ หันหน้ามาเจรจาควบกิจการกันนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการร่วงลงรุนแรงของราคาหุ้นของนาติซีส์ โดยมูลค่าตลาดของนาติซีส์ดิ่งลงไปถึง 80% นับตั้งแต่ต้นปีนี้
เมื่อเร็วๆนี้ นางคริสทีน ลาการ์ด รมว.คลังฝรั่งเศส กล่าวว่า การควบรวมกิจการในภาคการธนาคารจะเป็นผลดีอย่างยิ่งท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--