นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทแสดงความเห็นว่า คำสั่งห้ามทำช็อตเซลล์ในตลาดหุ้นนิวยอร์กที่สิ้นสุดลงเมื่อคืนนี้นั้น จะเปิดทางให้กลุ่มเฮดจ์ฟันด์เข้ามาซื้อขายในตลาดได้อย่างคึกคักขึ้น และจะช่วยลดภาวะผันผวนในตลาดได้
นับตั้งแต่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สหรัฐมีคำสั่งห้ามทำช็อตเซลล์ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา วอลุ่มการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กก็ร่วงลง 35% และคาดว่า วอลุ่มการทำอ็อพชั่นในตลาด VIX จะดิ่งลง 44% หลังจากคำสั่งห้ามทำช็อตเซลล์สิ้นสุดลงเมื่อคืนนี้
ปีเตอร์ ซอร์เรนติโน นักวิเคราะห์จาก Huntington Asset Advisors กล่าวว่า "การที่คำสั่งห้ามทำช็อตเซลล์หมดอายุลงจะช่วยกระตุ้นตลาดให้กลับมาคึกคักขึ้น ที่ผ่านมานั้น กลุ่มเฮดจ์ฟันด์ปลีกตัวออกไปอยู่นอกตลาดเพราะขาดแรงจูงใจ ซึ่งทำให้วอลุ่มการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กลดน้อยลงและทำให้ตลาดผันผวนมาก"
ก.ล.ต.ทั้งในสหรัฐและอังกฤษ ประกาศห้ามทำช็อตเซลล์หุ้นในกลุ่มการเงินเมื่อวันที่ 19 ก.ย. เพื่อยับยั้งการกระแสเก็งกำไรไม่ให้สร้างความเสียหายต่อตลาดการเงิน หลังจากเลห์แมน บราเธอร์ส ล้มละลาย และอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) ขอกู้เงินจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ที่ผ่านมานั้น ก.ล.ต.ได้ดำเนินการตรวจสอบการทำช็อตเซลล์อย่างจริงจัง หลังจากมูลค่าในตลาดหุ้นทั่วโลกหายไปถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มการเงินที่ทรุดตัวลงอย่างหนัก ทั้งนี้ หุ้นโกลด์แมน แซคส์ และหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลงอย่างหนักแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ส่งผลให้นายจอห์น แมค ซีอีโอมอร์แกน สแตนลีย์ ออกมาระบุว่า กลุ่มผู้ทำช็อตเซลล์เป็นตัวการสำคัญที่โจมตีบริษัทการเงิน
อย่างไรก็ตาม แม้คำสั่งห้ามทำช็อตเซลล์ในสหรัฐสิ้นสุดลงแล้ว แต่สำนักงานกำกับดูแลด้านการเงินในอังกฤษประกาศห้ามทำช็อตเซลในหุ้นกลุ่มการเงินตลอดทั้งปีนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--