สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ปรับลดอันดับเครดิตของธนาคารโรยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ กรุ๊ป (RBS) ลงสู่ระดับ A+จากระดับ AA- เมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยให้แนวโน้มเป็นลบ เนื่องจากการดำเนินธุรกิจของธนาคารกำลังย่ำแย่
โดยเฟรด กู๊ดวิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) ของโรยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ กรุ๊ป (RBS) เป็นผู้เริ่มดำเนินการเข้าเทคโอเวอร์กิจการธนาคารด้วยการเสนอข้อตกลงซื้อกิจการของเอบีเอ็น อัมโร โฮลดิ้ง เอ็นวี ในกรุงอัมสเตอร์ดัมเป็นเงิน 7.2 หมื่นล้านยูโร (9.77 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ด้วยการเป็นพันธมิตรกับฟอร์ติสของเบลเยียม และธนาคารบังโค ซานตานเดร์ เอสเอ ของสเปน ในยามที่ตลาดเงินเข้าสู่ภาวะชะงักงันเมื่อปี 2550 โดยเขามีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจให้เหนือคู่แข่งมากกว่าแค่ประคับประคองธนาคารให้อยู่รอดในภาวะวิกฤต
ทั้งนี้ เขาได้กล่าวถึงการต่อสู้กับบาร์เคลย์ส ธนาคารคู่แข่งร่วมชาติในการซื้อกิจการของเอบีเอ็น อัมโรเมื่อปีที่ผ่านมาว่า "เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะชนะและต้องชนะให้ได้"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นับจากนั้นเป็นต้นมา หุ้นของ RBS ในตลาดหุ้นลอนดอนดิ่งลงไปแล้ว 83% ท่ามกลางกระแสความวิตกกังวลของนักลงทุนว่า ธนาคารจะเผชิญอุปสรรคในการขาดแคลนเงินทุน ขณะที่ธนาคารมีตัวเลขทุนสำรองน้อยที่สุดในกลุ่มธนาคารอังกฤษ และในสัปดาห์นี้ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ ได้ปรับลดอันดับเครดิตของธนาคารรายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของอังกฤษเมื่อวัดจากมูลค่าทางการตลาดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2541
ทั้งนี้ กู๊ดวิน ซีอีโอวัย 50 ปีได้ปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจธนาคารรายย่อยของสกอตแลนด์แห่งนี้ที่มีอายุการดำเนินงานมาเป็นเวลา 281 ปีให้เป็นหนึ่งในแหล่งปล่อยเงินกู้แก่บริษัทเอกชนรายใหญ่ที่สุดในยุโรปด้วยเม็ดเงินการเทคโอเวอร์กิจการต่างๆกว่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์มาตั้งแต่ปี 2543
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--