IN FOCUS: ชีพจรตลาดหุ้นทั่วโลกแผ่วปางตาย หลังวิกฤตศรัทธาฉุดดาวโจนส์ร่วงหลุด 9,000 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 10, 2008 14:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นับย้อนหลังไปเมื่อไม่กี่ปี "ตลาดหุ้น (Stock Exchange Market)" ถูกมองว่า เป็นอาณาจักรแห่งการระดมทุนของบรรดาบริษัทที่นำหุ้นเข้าจดทะเบียน เป็นขุมทรัพย์ของนักลงทุนหลากหลายประเภท ไล่ตั้งแต่ปลาตัวใหญ่อย่างนักลงทุนสถาบันไปจนถึงปลาซิวปลาสร้อยอย่างนักลงทุนรายย่อย...ตลาดหุ้นเป็นทางเลือกหนึ่งของการลงทุนที่เมื่อหลายปีก่อนภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างคึกคัก นักลงทุนเดินหน้าเข้าออกตลาดชนิด "หัวบันไดไม่แห้ง" เพราะเศรษฐกิจโลกยังขยายตัวได้ดี ผู้บริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยคล่องมือ ซีอีโอของสถาบันการเงินหลายแห่งรับโบนัสกันอ้วนพี และมูลค่าสินทรัพย์ก็สูงลิ่วน่าดึงดูดใจยิ่งนัก
แต่นับตั้งแต่เกิดปัญหาในตลาดซับไพรม์ของสหรัฐเมื่อประมาณกลางปีพ.ศ.2550 ตลาดหุ้นทั่วโลกก็เริ่มระส่ำระสาย โดยดัชนีดาวโจนส์ ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็น "ดัชนีชี้วัดชีพจรตลาดหุ้นทั่วโลก" ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งวันที่ 31 ธ.ค.ปีพ.ศ.2550 ดาวโจนส์ที่ถูกพิษซับไพรม์เล่นงานจนอ่วม ได้ปิดท้าย"ปีหมูไฟ"ที่ระดับ 13,264.82 จุด
เปิดศักราชปีหนู 2551 ..ดาวโจนส์เทรดวันแรกเมื่อ 2 ม.ค.ประเดิมขวบปีใหม่ด้วยการร่วงลง 220.86 จุด หรือ 1.67% ปิดที่ 13,043.96 จุด เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจชะลอตัวลงเพราะถูกกระทบจากวิกฤตซับไพรม์ จนทำให้เกิด "วาทะแห่งปี" ว่า ต้นตอแห่งวิกฤตการณ์ทางการเงินที่กำลังลุกลามไปทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่ในยุโรปนั้น เป็นผลพวงมาจาก "Hambuger Crisis" หรือที่เหน็บแนมแรงกว่านั้นก็คือ "Hanmberger Disease"
นับตั้งแต่ต้นปีพ.ศ.2551 ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงเรื่อยๆมา ด้วยปัจจัยมากมาย เป็นเหตุให้ตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นในเอเชียดิ่งลงชนิดฉุดไม่อยู่ ...อาจไม่เคยมีใครตอบได้ว่า "อะไร" หรือ "ใคร" เป็นตัวแปรที่แท้จริงที่ทำให้ดาวโจนส์ขึ้นหรือลง แต่จากสถิติเมื่อไม่นานมานี้พบว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกแรงขายกระหน่ำลงอย่างหนักเพราะ "วิกฤตศรัทธา" ที่นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นต่อความพยายามของรัฐบาลและธนาคารกลางสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังอยู่ในสภาพที่เปราะบาง ไวต่อกระแสคาดการณ์ ผันผวนเมื่อมีเจ้าหน้าที่คนสำคัญระดับโลกลุกขึ้นมาแสดงความคิดเห็นในด้านลบ...กระทั่งปัจจัยล่าสุดที่ถูกมองว่าเป็นสาเหตุสำคัญของความผันผวนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก คือ "การเก็งกำไร" "กลุ่มเฮดจ์ฟันด์" และ "การทำช็อตเซลล์"
"เฮดจ์ฟันด์" และ "ช็อตเซลล์" ถูกตีตราว่าเป็น "ผู้ร้าย" ที่ทำตลาดหุ้นปั่นป่วนไปทั่วโลก โดยเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทั้งในสหรัฐและอังกฤษ ประกาศห้ามทำช็อตเซลล์หุ้นในกลุ่มการเงิน เพื่อยับยั้งกระแสเก็งกำไรไม่ให้สร้างความเสียหายต่อตลาดการเงิน หลังจากเลห์แมน บราเธอร์ส ล้มละลาย และอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) ขอกู้เงินจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในช่วงเวลานั้น...พิษสงของช็อตเซลล์ได้ฉุดหุ้นโกลด์แมน แซคส์ และหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลงอย่างหนักแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทำให้นายจอห์น แมค ซีอีโอมอร์แกน สแตนลีย์ ออกมาตราหน้าว่า กลุ่มผู้ทำช็อตเซลล์เป็นตัวการสำคัญที่โจมตีบริษัทการเงิน...ขณะที่กลุ่มเฮดจ์ฟันด์ถูกก.ล.ต.เข้าตรวจสอบอย่างหนัก หลังจากมูลค่าในตลาดหุ้นทั่วโลกหายไปถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์เพียงระยะเวลา 7 วันในเดือนก.ย.
วันอังคารที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ...ตลาดหุ้นทั่วโลกและเอเชียผันผวนหนักมาก หลังจากดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงต่ำกว่าระดับ 10,000 เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี แม้สภาคองเกรสสหรัฐลงมติอนุมัติมาตรการฟื้นฟูภาคการเงินฉบับปรับปรุงใหม่วงเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์และประธานาธิบดีบุชได้ลงนามผ่านร่างให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายอย่างเป็นทางการก็ตาม ...สะท้อนให้เห็นว่าตลาดเผชิญวิกฤตศรัทธาอย่างรุนแรง
จากนั้นวันพฤหัสบดีที่ 9 ต.ค. ดัชนีร่วงลงไปอีกกว่า 600 จุดหรือกว่า 7% และปิดที่ระดับต่ำกว่า 9,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมในตลาดอินเตอร์แบงค์ยังพุ่งขึ้นแม้ธนาคารกลางทั่วโลกพร้อมใจกันประกาศลดดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ และความวิตกกังวลที่ว่าบริษัทผลิตรถยนต์ อาจเป็นเหยื่อวิกฤตสินเชื่อรายต่อไป หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ขู่ว่าจะปรับลดอันดับเครดิตบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม)
การร่วงลงของดาวโจนส์ในคืนวันพฤหัสบดี ส่งแรงกระเพื่อมไปทั่วตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นในเอเชียในวันศุกร์ โดยดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวร่วงลง 881.06 จุด หรือ 9.62% ปิดที่ 8,276.43 จุด ซึ่งดัชนีดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 8,500 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีพ.ศ.2546 ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 14,821.93 จุด ดิ่งเหว 1,121.31 จุด นอกจากนี้ ตลาดหุ้นแห่งอื่นๆทั่วโลกยังดิ่งลงถ้วนหน้า
...ไม่เว้นแม้แต่ตลาดหุ้นไทย โดย ณ เวลา 14.38 น.ในวันนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หยุดทำการซื้อขายชั่วคราวเป็นเวลา 30 นาที หรือมาตรการ circuit breaker หลังจากตลาดหุ้นภาคบ่ายร่วงแรงแตะ 10%
ชีพจรตลาดหุ้นทั่วโลกแผ่วลงจนน่าใจหาย ... นับจากนี้คงทำได้แค่เพียง ...มองดูกระดานหุ้นที่แดงเถือกทั่วทั้งกระดาน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ