สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ปรับลดการคาดการณ์ความต้องการน้ำมันในปี 2552 ลง 0.5% หรือ 440,000 บาร์เรลต่อวัน เหลือ 87.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากวิกฤตการเงินที่รุนแรงที่สุดกำลังคุกคามเศรษฐกิจโลกให้เข้าสู่ภาวะถดถอย โดยการขยายตัวด้านอุปทานของประเทศนอกกลุ่มโอเปคในปีนี้ลดลงอย่างมาก หลังจากที่มีพายุเฮอริเคนเกิดขึ้นหลายครั้งในอ่าวเม็กซิโก และปัญหาที่เกิดขึ้นในอาเซอร์ไบจัน
เดวิด ไฟฟ์ หัวหน้าฝ่ายอุตสาหกรรมและตลาดน้ำมันของ IEA กล่าวว่า ความต้องการน้ำมันดูเหมือนว่าจะอ่อนตัวลงเมื่อพิจารณาจากแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงกว่าเดิม นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องการรักษาสมดุลอุปทาน ที่ผ่านมา เรามีน้ำมันเป็นจำนวนมากซึ่งเป็นผลมาจากพายุเฮอริเคนที่เกิดขึ้นในสหรัฐ รวมทั้งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในคอเคซัสและอาเซอร์ไบจัน
บลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาน้ำมันมีแนวโน้มว่าจะปรับตัวลงมากที่สุดในรอบสัปดาห์ นับตั้งแต่ปี 2547 ขณะที่วิกฤตสินเชื่อที่ดำดิ่งลงยิ่งทำให้เกิดความกังวลเรื่องการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น รวมทั้งความต้องการน้ำมันของผู้บริโภค โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันตกลงมาแล้วประมาณ 44% นับตั้งแต่ที่ดีดแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 147.27 ดอลลาร์ในตลาดน้ำมัน NYMEX เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกเมื่อวันที่ 8 ต.ค.ว่า เศรษฐกิจของประเทศที่ขยายตัวมากที่สุดในโลกจะขยายตัวในระดับที่ชะลอตัวมากที่สุดในปีหน้า ส่วนเศรษฐกิจของประเทศกลุ่มอุตสาหกรรมจะขยายตัวที่ระดับ 0.5% ในปีหน้า ลดลงจากระดับปีนี้ที่ 1.5%
ทั้งนี้ IEA คาดว่า ความต้องการน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรลต่อวัน หรือ 0.8% ในปีหน้า และปรับลดการประเมินความต้องการปีนี้ลงเป็นครั้งที่ 7 แล้ว โดยปรับลดลง 240,000 บาร์เรลต่อวัน หรือ 0.5% แตะ 86.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน
การขยายตัวด้านดีมานด์จากประเทศนอกกลุ่มโอเปคอยู่ในระดับเดิมที่ 38.4 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ และเพิ่มขึ้น 40,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 39.7 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--