นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ที่ปรึกษา รมว.คลัง ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ซึ่งมองภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศที่เชื่อว่าจะชะลอตัวลง ขณะที่ ธปท.ติดตามสถานการณ์ด้านตลาดเงินอย่างใกล้ชิดและพบว่ายังเป็นไปตามปกติ แต่อย่างไรก็ดี ธปท. พร้อมใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อเข้ามาดูแลเศรษฐกิจ
"ผมได้หารือกับคุณบัณฑิตทางโทรศัพท์แล้ว ซึ่งแบงก์ชาติพร้อมเข้ามาดูแลระบบเศรษฐกิจการเงิน หากมีความจำเป็นจะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเสริมสภาพคล่อง และพร้อมจะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย โดยกระทรวงการคลังจะไม่เข้าไปแทรกแซงการทำงาน" นายอนุสรณ์ ระบุ
นายอนุสรณ์ มองว่า อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง เห็นได้จากธนาคารกลางของหลายประเทศได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแล้ว 0.5-1.0% ซึ่งภาวะเศรษฐกิจที่เผชิญกับภาวะเงินฝืดนี้สามารถใช้นโยบายการเงินเข้ามาดำเนินการได้ทันที และเชื่อว่า กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมครั้งหน้าเดือน ธ.ค.51 โดยอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาลงเช่นนี้จะทำให้ กนง.สามารถทยอยปรับลดดอกเบี้ยลงได้ตั้งแต่ 0.5-2.0%
ส่วนกรณีปัญหาสภาพคล่องในระบบนั้น ธปท.ควรเข้ามาดูแลและขอความร่วมมือให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบ เพื่อให้มีเม็ดเงินมาหมุนเวียนในระบบได้ตามปกติ และในฐานะที่ ธปท.กำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ก็ควรให้ธนาคารพาณิชย์ขยายสินเชื่อได้ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจขณะนี้แม้ไม่มีปัญหา เนื่องจากไทยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกค่อนข้างน้อย แต่ยังมีปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นจากปัญหาการเมืองในประเทศ
ดังนั้น ปัจจัยในประเทศต้องทำให้เกิดความสมานฉันท์และสร้างความเชื่อมั่นในเกิดขึ้น เพราะคาดว่าการลงทุนและการบริโภคในประเทศจะชะลอตัวช่วงไตรมาส 4/51 ต่อเนื่องจนถึงปีหน้า จึงจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย และแม้นโยบายการเงินจะมีประสิทธิภาพน้อยแต่สามารถดำเนินการได้ทันที ขณะที่นโยบายการคลังจะต้องเร่งดำเนินการ เพื่อเข้ามาช่วยดูแลเศรษฐกิจทั้งในเรื่องการอัดฉีดสภาพคล่อง การเดินหน้าโครงการลงทุนเมกะโปรเจ็คต์
นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า เตรียมเปิดแถลงว่าจะไม่รับตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.คลัง แต่พร้อมจะเข้ามาช่วยงานรัฐบาลในฐานะราษฎรช่วยชาติ ส่วนงานต่อไปที่อยากจะทำคือการเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.3)
--อินโฟเควสท์ โดย จารุวรรณ ไหมทอง/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--