บริษัทเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจออสเตรเลียและนิวซีแลนด์จะชะลอตัวลงอีกในขณะที่เศรษฐกิจทั่วโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย ส่วนการส่งออกและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลง
โดยเศรษฐกิจออสเตรเลียจะขยายตัวที่ระดับ 2.5% ในปีนี้และจะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 1.8% ในปี 2552 เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ในก่อนหน้านี้ที่ 2.7% และ 2.6% ตามลำดับ ส่วนเศรษฐกิจนิวซีแลนด์ซึ่งอยู่ในภาวะถดถอยครั้งแรกในรอบ 10 ปีนั้นจะขยายตัวที่ 0.5% ในปีนี้ และ 1% ในปี 2552 จากระดับ 0.6% และ 1.6%
สตีเฟ่น วอลเตอร์ส หัวหน้านักวิเคราะห์จากเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค กล่าวว่า "เรากำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก และส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อการลงทุน การจ้างงาน และการใช้จ่ายของผู้บริโภค"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี UBS Bloomberg Constant Maturity Commodity index ที่ชี้วัดการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ 26 ประเภทร่วงลง 35% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากวิกฤตสินเชื่อได้จุดชนวนให้เกิดความวิตกกังวลต่อเศรษฐกิจโลกที่ดำดิ่งลง โดยสินค้าประเภทวัตถุดิบนั้นมีสัดส่วนคิดเป็น 60% ของการส่งออกทั้งหมดของออสเตรเลีย ขณะที่นิวซีแลนด์พึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์กว่า 70%
ทั้งนี้ เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจะกระตุ้นให้ธนาคารกลางของทั้งสองประเทศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยธนาคารกลางออสเตรเลียจะปรับลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 4.5% ภายในปี 2552 จากระดับ 6% ในขณะนี้ หลังจากที่ได้หั่นดอกเบี้ยลง 1% เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อบรรเทาผลกระทบวิกฤตสินเชื่อทั่วโลกที่มีต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ ขณะที่คาดว่าธนาคารกลางนิวซีแลนด์จะปรับลดดอกเบี้ยลงจากระดับ 7.5% ในขณะนี้ไปอยู่ที่ 4.75% ในปีหน้า
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--