นายกรัฐมนตรีเควิน รัดด์ ของออสเตรเลีย ประกาศทุ่มงบ 1.04 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (7.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังวิกฤตการเงินโลกส่งผลกระทบอย่างหนักต่อตลาดสินเชื่อและฉุดให้เศรษฐกิจชะลอตัว
นอกจากนั้นรัฐบาลจะทุ่มงบอีก 4.8 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียเพื่อให้ความช่วยเหลือคนชรา, 3.9 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียสำหรับครอบครัว และ 1.5 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียสำหรับผู้ซื้อบ้านครั้งแรก โดยมาตรการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนในช่วงที่อัตราจ้างงานและเศรษฐกิจอยู่ในภาวะชะลอตัว
"มาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการบริโภคในครัวเรือนในช่วงที่เศรษฐกิจโลกกำลังย่ำแย่" นายรัดด์กล่าว โดยเขาจะนำเงินดังกล่าวมาจากยอดเกินดุลการค้าประจำปีงบประมาณ 2551-2552 ซึ่งคาดว่าอาจอยู่ที่ราว 2.17 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
ก่อนหน้านี้นายรัดด์เพิ่งรับประกันเงินออมทรัพย์ระหว่างธนาคาร นอกจากนั้นยังเพิ่มเงินปล่อยกู้สินเชื่อเพื่อบ้านขึ้น 2 เท่าเป็น 8 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
ด้านกลุ่มยูโรโซนก็ทุ่มงบ 1.3 พันล้านยูโร (1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อรับประกันเงินกู้ยืมระหว่างธนาคาร ในขณะที่รัฐบาลอังกฤษก็เข้าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในแบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ กรุ๊ป พีแอลซี และ เอชบีโอเอส พีแอลซี
ส่วนสหรัฐก็ทุ่มเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์เพื่อซื้อสถาบันการเงินที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงิน ในขณะเดียวกัน นายเบน เบอร์นันเก้ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็เป็นผู้นำธนาคารกลางอื่นๆในการลดดอกเบี้ยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยธนาคารกลางออสเตรเลียลดดอกเบี้ยไป 1%
เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งเป็นกลไกหลักที่กระตุ้นเศรษฐกิจออสเตรเลียมาตลอด 17 ปี ปรับตัวลดลงอย่างหนัก
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงเหลือ 3% ในปีหน้า ซึ่งอาจถือได้ว่าเข้าสู่ภาวะถดถอย สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--