กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า คณะทำงานประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช เตรียมประกาศแผนสกัดกั้นภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ ซึ่งครอบคลุมถึงการใช้เงินทุนกว่าครึ่งหนึ่งของงบประมาณวงเงิน 2.50 แสนล้านดอลลาร์ในการซื้อหุ้นบุริมสิทธ์ของ 9 ธนาคารยักษ์ใหญ่ ได้แก่ ธนาคารซิตี้กรุ๊ป, ธนาคารเวลส์ ฟาร์โก, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, แบงค์ ออฟ อเมริกา, โกลด์แมน แซคส์, มอร์แกน สแตนลีย์, สเตทสตรีท คอร์ป แบงค์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน คอร์ป และเมอร์ริล ลินช์
ความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของนายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐที่ต้องการจะปกป้องตลาดการเงินไม่ให้ล่มสลายและฉุดรั้งเศรษฐกิจจนถดถอยยาวนาน ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้มีขึ้นหลังจากผู้นำยุโรปเข้าแทรกแทรงตลาดด้วยการประกาศใช้มาตรการช่วยเหลือธนาคาร และหลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศร่วมกับกลุ่มประเทศ G7 ประกาศใช้มาตรการฟื้นฟูระบบการเงินเช่นกัน
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐวางแผนที่จะเข้าซื้อหุ้นซิตี้กรุ๊ปและเจพีมอร์แกนแห่งละ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกันจะใช้เงินอีก 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์จะนำไปซื้อหุ้นในแบงค์ ออฟ อเมริกา และเมอร์ริล ลินช์ และจะนำเงินเข้าซื้อหุ้นในโกล์แมน แซคส์ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนแบงค์ ออฟ นิวยอร์ก และสเตทสตรีท แบงค์นั้น กระทรวงการคลังจะเข้าซื้อหุ้น 3 พันล้านดอลลาร์
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ข่าวรัฐบาลสหรัฐอัดฉีดเม็ดเงินทุนเข้าสู่ 9 ธนาคารยักษ์ใหญ่ผ่านการซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่หนุนดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้น 936.42 จุด หรือ 11.08% ปิดที่ 9,387.61 จุดเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.พ.ศ.2543
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--