กระทรวงการคลังญี่ปุ่นรายงานว่า บัญชีเดินสะพัดเกินดุลของญี่ปุ่นร่วงลงถึง 52.5% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากมูลค่าการนำเข้าขยายตัวเร็วกว่ามูลค่าการส่งออก โดยเฉพาะมูลค่าการนำเข้าน้ำมันที่พุ่งสูง
โดยบัญชีเดินสะพัดเกินดุลของญี่ปุ่นอยู่ที่ระดับ 9.888 แสนล้านเยน (9.7 พันล้านดอลลาร์) ในเดือนส.ค. ซึ่งถือว่าลดลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันแล้ว
ตัวเลขส่งออกเดือนส.ค.มีการขยายตัว 0.9% แตะ 6.72 ล้านล้านเยน (6.56 หมื่นล้านดอลลาร์) ในขณะที่ยอดนำเข้าพุ่งกว่า 20.2% แตะ 6.96 ล้านล้านเยน (6.8 หมื่นล้านดอลลาร์)
นอกจากนั้นราคาน้ำมันที่พุ่งสูงยังส่งผลให้ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าเป็นมูลค่ากว่า 2.36 แสนล้านเยน (2.3 พันล้านดอลลาร์) ในเดือนส.ค. ซึ่งถือว่าเป็นการขาดดุลการค้าครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปี 2549 และถือเป็นการขาดดุลมากที่สุดในประวัติการณ์
ยอดการนำเข้าน้ำมันเพียงอย่างเดียวมีสัดส่วนถึง 25% ของยอดนำเข้าทั้งหมดของญี่ปุ่น และในเดือนส.ค.ญี่ปุ่นนำเข้าน้ำมันเพิ่มขึ้นถึง 64.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากญี่ปุ่นจำเป็นต้องนำเข้าน้ำมันเกือบ 100% เพื่อรองรับความต้องการในประเทศ
ยอดส่งออกจากญี่ปุ่นไปยังประเทศอื่นๆในเอเชียมีการขยายตัว 6.6% ในเดือนส.ค. แต่ยอดส่งออกไปยังสหรัฐกลับร่วงหนักกว่า 21.8% อันเป็นผลมาจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐกำลังอยู่ในภาวะชะลอตัว
ทั้งนี้ บัญชีเดินสะพัดวัดจากการค้าขายสินค้า บริการ การท่องเที่ยว และการลงทุน โดยคำนวณจากส่วนต่างของรายได้ที่ญี่ปุ่นได้จากต่างประเทศกับรายจ่ายที่ญี่ปุ่นจ่ายให้ต่างประเทศ และไม่นับรวมการลงทุนสุทธิ สำนักข่าวเอพีรายงาน