นูเรล รูบินี ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ผู้เคยคาดการณ์ว่าจะเกิดวิกฤตการเงินในปี 2549 นั้น กล่าวให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์ก เทเลวิชั่นว่า เศรษฐกิจของสหรัฐจะตกอยู่ในภาวะถดถอยที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 40 ปี และตลาดหุ้นก็จะร่วงลง เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงที่บ่งชี้ช่วงขาลงต่อเศรษฐกิจและตลาดอยู่เป็นจำนวนมาก เราจะได้ประหลาดใจไปกับความรุนแรงของภาวะถดถอยและการสูญเสียทางการเงิน
โดยภาวะถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐจะกินเวลานานถึง 18-24 เดือน ส่งผลให้อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 9% และยิ่งฉุดราคาบ้านที่อยู่ในระดับต่ำอยู่แล้วตกลงไปอีก 15% ดังนั้น รัฐบาลสหรัฐจำเป็นต้องเพิ่มวงเงินในการซื้อหุ้นแบงค์ และกำหนดให้สถาบันการเงินยกเลิกการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนไปก่อน เพื่อเอาตัวรอดจากภาวะล้มละลาย
นายเฮนรี พอลสัน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ วางเผนที่จะใช้กองทุนจากงบประมาณมูลค่า 2.50 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อนำมาซื้อหุ้นในสถาบันการเงินหลายพันแห่ง เพื่อยุติภาวะชะงักงันในตลาดสินเชื่อที่ส่งผลกระทบอย่างหนักจนทำให้บริษัทต้องล้มละลายและยกเลิกการจ้างงาน
ศาสตราจารย์รูบินีกล่าวต่อไปว่า การระดมทุนช่วยแบงค์ครั้งนี้จะเป็นการระดมทุนในรอบแรก รัฐบาลต้องตัดสินใจเรื่องการเข้าแทรกแซงเรื่องการจัดหาเงินโดยตรงมากกว่านี้ รวมทั้งการบริหารบริษัทเอกชนด้วยเช่นกัน ส่วนตลาดหุ้นก็คงจะไม่คึกคักในเร็วๆนี้ เพราะนักลงทุนเห็นแล้วว่าเศรษฐกิจกำลังดำดิ่งลง
ดัชนี S&P 500 ดีดตัวขึ้น 12% สูงสุดในรอบ 75 ปี ขานรับแผนการเข้าซื้อหุ้นในธนาคารต่างๆของรัฐบาล ตลอดจนการอัดฉีดเงินดอลลาร์เข้าระบบการเงินทั่วโลก ขณะที่วันนี้ ดัชนี S&P 500 อ่อนตัวลง 0.5%