ผลการสำรวจของบริษัท มอร์แกน แมคคินลีย์ชี้ว่า ธุรกิจการธนาคารในอังกฤษมีอัตราการจ้างงานตกลงถึง 14% ในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา นับเป็นตัวเลขที่ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 แล้ว
บลูมเบิร์กรายงานว่า จำนวนผู้ว่างงานเดือนก.ย.ตกลงมาอยู่ที่ 5,922 ตำแหน่งจากสถิติเดือนส.ค. ขณะที่จำนวนผู้หางานทำมีจำนวนเพิ่มขึ้น 42% หลังจากที่บริษัทไฟแนนซ์ขนาดใหญ่พากันล้มละลาย
นับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2550 ธนาคารในประเทศอังกฤษไปจนถึงสหรัฐได้ลดการจ้างงานลงมากกว่า 130,000 ตำแหน่ง ในขณะที่บริษัทต่างๆ ซึ่งรวมถึงเลห์แมน บราเธอร์ โฮลดิ้งส์ ล้มละลาย
นอร์ทเธิร์น ร็อค ได้ลดการจ้างงานลง 25% เหลือ 4,500 ราย จากระดับเดิมที่ 6,000 รายนับตั้งแต่ที่รัฐบาลอังกฤษได้เข้ามาเป็นเจ้าของกิจการเมื่อเดือนก.พ. ส่วนลอยด์ ทีเอสบี กรุ๊ป คาดว่า จะใช้งบประมาณด้านการประสานงานถึง 1 พันล้านปอนด์ หรือ 1.75 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ภายในปี 2553 เมื่อธนาคารได้เข้าเทคโอเวอร์เอชบีโอเอส
โรเบิร์ต เทซิเกอร์ ซีอีโอของอิมพรินท์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของมอร์แกน แมคคินลีย์ กล่าวว่า ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ธุรกิจการเงินไม่สามารถคาดการณ์ได้ การคาดการณ์เนื่องรูปแบบการจ้างงานในอนาคตภายในเมืองดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องยาก
อัตราเงินเดือนในลอนดอน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินของประเทศนั้น อ่อนตัวลง 1% ในเดือนก.ย. เหลือ 49,893 ปอนด์ จากระดับเดือนที่แล้ว
ศูนย์การวิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (CEBR) คาดว่า ธนาคารต่างๆในอังกฤษจะลดตำแหน่งงานลง 62,000 ตำแหน่งในช่วงสิ้นปีหน้า ส่งผลให้อัตราการจ้างงานในธุรกิจการธนาคารอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบกว่า 10 ปี ในขณะที่วิกฤตสินเชื่อย่ำแย่ลง และบริษัทต่างๆในลอนดอนคาดว่า จะลดการจ้างงานลง 28,000 รายในปีนี้ และปีหน้าอีก 34,000 ราย ส่งผลให้จำนวนการจ้างงานในธุรกิจธนาคารลดเหลือ 290,847 ราย ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2541