บริษัทอินเทล คอร์ป บริษัทผู้ผลิตชิพรายใหญ่ที่สุดในโลก รายงานผลกำไรไตรมาสสามที่สูงกว่าคาดการณ์และเปิดเผยว่า ยอดขายในช่วงเวลาดังกล่าวอาจพุ่งสูงขึ้นจากอุปสงค์คอมพิวเตอร์แลปท็อปเนื่องจากความวิตกกังวลเรื่องภาวะตลาดสินเชื่อเริ่มซาลง ซึ่งจะช่วยให้หนุนให้หุ้นของอินเทลในตลาดทะยานขึ้นด้วยเช่นกัน
รายได้สุทธิของอินเทลในไตรมาส 3 ไต่ระดับขึ้น 12% แตะที่ 2.01 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 35 เซนต์ต่อหุ้นจากระดับ 1.79 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 30 เซนต์ในปีก่อนหน้านี้ ขณะที่นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดว่าผลกำไรเฉลี่ยจะอยู่ที่ 34 เซนต์ต่อหุ้น
อินเทลได้เริ่มคลายความวิตกกังวลต่อวิกฤตในตลาดสินเชื่อที่ส่งผลกระทบต่อระบบการเงินทั่วโลกและทำให้อุปสงค์คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลลดลง และแม้บริษัทจะมียอดขายคอมพิวเตอร์ PC ในสำนักงานที่ลดลง แต่บริษัทขายระบบประมวลผลแลปท็อปได้มากกว่าชิพคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะสูงกว่า 20% ในไตรมาสที่ผ่านมา
"อินเทลรายงานผลประกอบการที่ออกมาดีมาก" ไมเคิล ชินนิก นักวิเคราะห์จาก 1st Source Bank กล่าว "ตัวเลขผลประกอบการไตรมาสสามนี้น่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้ว่า อุปสงค์เครื่องพีซีในช่วงเวลาดังกล่าวมิได้ลดน้อยลงเลย"
ทั้งนี้ อินเทลคาดว่า ยอดขายของอินเทลในไตรมาสที่สี่จะอยู่ที่ 1.01-1.09 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสัดส่วนยอดขายหลังหักลบกับต้นทุนการผลิตจะอยู่ที่ประมาณ 59% ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จากโพลล์ของบลูมเบิร์กคาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ 1.08 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า หุ้นอินเทลพุ่งขึ้น 71 เซนต์หรือ 4.5% แตะระดับ 16.64 ดอลลาร์ต่อหุ้นในช่วงท้ายของการซื้อขายขณะที่หุ้นดังกล่าวปิดที่ระดับ 15.93 ดอลลาร์ต่อหุ้น