จีน ซึ่งเป็นประเทศที่ให้บริการรถไฟรายใหญ่ที่สุดของโลก จะผลักดันแผนการขายหุ้นของบริษัทรถไฟของรัฐบาล แม้ว่าตลาดหุ้นจีนจะตกลงถึง 64% ในปีนี้ โดยโฆษกของกระทรวงรถไฟจีนกล่าวว่า กระทรวงจะขายหุ้นเมื่อสถานการณ์แวดล้อมเหมาะสม เรากำลังเผชิญกับสถานการณ์ลำบากในระดับหนึ่งในตลาด แต่เชื่อว่า การขายหุ้นจะเป็นไปอย่างราบรื่น
อย่างไรก็ดี โฆษกกระทรวงยังไม่ได้เปิดเผยเรื่องระยะเวลาที่แน่นอนในการขายหุ้นไอพีโอดังกล่าว
บลูมเบิร์กรายงานว่า จีนตั้งเป้าขายหุ้นบริษัทรถไฟในตลาดหุ้นฮ่องกงและตลาดหุ้นจีน เพื่อระดมทุนป้อนโครงการขยายเครือข่ายรางรถไฟมูลค่า 1.25 ล้านล้านหยวน หรือ 1.83 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะบรรเทาภาวะติดขัดของระบบการรถไฟของประเทศ โดยระบบรถไฟของจีนนั้นคิดเป็นปริมาณการจราจรทางรถไฟทั่วโลกประมาณ 1 ใน 4 ของเครือข่ายรถไฟทั่วโลกที่ประมาณ 6%
ริชาร์ด ลี นักวิเคราะห์จากคอร์ แปซิฟิค กล่าวว่า การขยายทางรถไฟใช้งบประมาณสูงมาก แต่รัฐบาลก็จำเป็นต้องทำเพื่อสนับสนุนให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เงินทุนที่จะใช้ก็ค่อนข้างสูง รัฐบาลจึงต้องระดมทุน
จีนวางแผนที่จะขายหุ้นบริษัทรถไฟอย่างน้อยเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เพื่อที่จะวางรางรถไฟใหม่ระยะทาง 17,000 กิโลเมตรให้ได้ภายในระยะเวลา 5 ปี สิ้นสุดที่ปี 2553 เพื่อบรรเทาปัญหาความล่าช้าในการขนส่งถ่านหิน โลหะ ธัญพืช และสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆทั่วประเทศ และเส้นทางรถไฟใหม่นี้จะใช้เงินกู้ธนาคาร และงบประมาณจากหน่วยงานรัฐบาลกลางและท้องถิ่น
โฆษกกระทรวงรถไฟ กล่าวว่า การรถไฟของจีนสามารถให้บริการรถไฟได้ตามความต้องการเพียง 35% เท่านั้นในปัจจุบัน และน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 90% ได้ภายในระยะเวลา 5 ปี จากโครงการก่อสร้างรางรถไฟเพื่อรองรับผู้โดยสารและสินค้ามากกว่า 20 เส้นทาง
ต้าฉิน เรลเวย์ ได้ระดมทุน 1.5 หมื่นล้านหยวนจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอเมื่อปี 2548 ซึ่งเงินทุนที่ได้ช่วยให้บริษัทสามารถขยายความสามารถในการดำเนินการต่อปีทั้งหมด 350 ล้านตัน สูงกว่าความสามารถเดิมถึง 3 เท่า และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 400 ล้านตันอย่างเร็วสุดในช่วงปีหน้า