ธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศอัดฉีดเงิน 2.79 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (1.83 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เข้าสู่ระบบการเงินอีกระลอก เพื่อช่วยระบายเงินทุนที่ธนาคารพาณิชย์กักตุนไว้ ท่ามกลางภาวะตลาดสินเชื่อตึงตัว
ธนาคารกลางออสเตรเลียได้อัดฉีดเงินเพิ่มเติมผ่านธุรรมซื้อขายหลักทรัพย์โดยมีสัญญาขายหรือซื้อคืน (Repurchase agreement หรือ Repo) หลังจากที่ได้ประเมินเม็ดเงินในตลาดที่สูญไปกว่า 1.82 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในวันนี้ โดยธนาคารกลางได้เพิ่มวงเงินฝากที่ 40 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียถึง 9.813 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียไปเมื่อวานนี้ หลังจากที่ธนาคารต่างๆมียอดถือครองเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.104 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมของธนาคารพาณิชย์ในออสเตรเลียปรับตัวลดลงในวันนี้ โดย ณ เวลา 10.37 น.ตามเวลาท้องถิ่นส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 3 เดือน และอัตราเงินกู้ยืม swap rate ระยะสั้นที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากการออกเงินกู้ระหว่างกันอยู่ที่ 0.755%
ส่วนอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมของอินเตอร์แบงก์พุ่งขึ้นเนื่องจากธนาคารหลายแห่งต่างพากันกักตุนเม็ดเงินสดและไม่ยอมปล่อยกู้ให้ธนาคารด้วยกัน หลังจากเลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้ง อิงค์ ประสบภาวะล้มละลายเมื่อเดือนที่ผ่านมา แต่ต่อมาตัวเลขเงินทุนในระบบเริ่มปรับตัวลดลง หลังจากที่นายกรัฐมนตรีเควิน รัดด์ ประกาศมาตรการรับประกันเงินฝากในธนาคารประกอบกับการที่ผู้นำชาติยุโรปให้คำมั่นว่าจะช่วยเหลือผู้ปล่อยกู้เพื่อหาทางคลี่คลายความเลวร้ายในตลาดสินเชื่อ
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงค์สกุลดอลลาร์ประเภท 3 เดือนที่ตลาดลอนดอน (Libor) ร่วงลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สามเมื่อวานนี้ไปแตะที่ 4.55%