เฉิน เสี่ยวตง ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับดูแลด้านการตลาดของคณะกรรมการธิการด้านการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) คาดการณ์ว่า บริษัทรถยนต์ในจีนอาจควบรวมกิจการกันในปีหน้า เนื่องจากความต้องการรถยนต์ลดน้อยลงและต้นทุนวัสดุที่พุ่งสูงขึ้นทำให้ผลประกอบการในอุตสาหกรรมทรุดตัวลง
"เราคาดว่าบริษัทรถยนต์บางแห่งที่อ่อนข้างอ่อนแอและมีความสามารถในการแข่งขันค่อนข้างน้อย จะเริ่มควบรวมกิจการกันในปีหน้า และคาดว่าผลประกอบการของกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์จีนจะได้รับผลกระทบด้วย" เสี่ยวตงกล่าว
ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำซึ่งทำให้ความต้องการรถยนต์ลดน้อยลงนั้น ส่งผลให้บริษัทผลิตรถยนต์ของจีนต้องยอมลดราคารถลง แม้ต้นทุนราคาเหล็กพ่งสูงขึ้นก็ตาม ทั้งก็เพราะบริษัทจำเป็นต้องประคับประคองตัวเองให้รอดในตลาดรถยนต์จีนที่มีอยู่มากถึง 52 แบรนด์ โดยยอดขายรถยนต์ของบริษัทจีนในเอเชียร่วงลงเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว เนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงพุ่งสูงขึ้นและราคาหุ้นที่ทรุดตัวลงเป็นเหตุให้ความต้องการรถยนต์ลดน้อยลงด้วย
หวง จือจุ้ย นักวิเคราะห์จากบริษัท CSM Asia ในเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า "ในยามที่เศรษฐกิจพลิกผันเข้าสู่ช่วงขาลงเช่นนี้ ผู้ที่แข็งแรงกว่าเท่านั้นจะที่อยู่รอดได้ บริษัทรถยนต์ของจีนได้รับผลกระทบอย่างหนักจากความต้องการที่ตกต่ำลง เนื่องจากประชาชนมีอำนาจซื้อรถยนต์น้อยลง และหันไปใช้จักรยานยนต์เป็นทางเลือกใหม่แทนสินค้าระดับไฮเอนด์"
แบรนด์รถยนต์ในจีนกำลังถูกดดันอย่างหนัก เนื่องจากค่าแรงที่เพิ่มขึ้นทำให้ผู้ขับขี่ยานยนต์หันไปซื้อรถยนต์ต่างประเทศที่มีราคาแพงกว่า โดยบริษัทเชอรี ออโตโมบิล ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่สุดของจีน มีอันดับยอดขายที่ตกลงสู่อันดับ 6 จากเดิมที่อันดับ 4 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน