ธนาคารกลางอินเดียขานรับการดำเนินการของธนาคารกลางบราซิลและรัสเซียในการอัดฉีดเงินทุนให้กับธนาคารพาณิชย์ในประเทศ เพื่อรับมือกับภาวะสินเชื่อตึงตัว โดยธนาคารกลางทั้งสามหลีกเลี่ยงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่จะเป็นเหตุให้ตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น
ธนาคารกลางอินเดียประกาศอัดฉีดเงินทุนเข้าสู่ระบบการเงินผ่านการลดเพดานสำรองสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ลงสู่ระดับ 6.5% จากเดิมที่ระดับ 7.5% เพื่อผ่อนคลายภาวะสินเชื่อตึงตัวภายในประเทศที่เข้าขั้นรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2543 หลังจากที่ธนาคารกลางรัสเซียประกาศลดเพดานสำรองสภาพคล่อง 2 ครั้งในเดือนนี้ และธนาคารกลางบราซิลลดเพดานสำรองสภาพคล่อง 4 ครั้งในเวลาเพียง 3 สัปดาห์
จีนเป็นเพียงประเทศเดียวในกลุ่มประเทศ BRIC (ประกอบด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน) ที่ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยหลังจากตัวเลขเงินเฟ้อภายในประเทศร่วงลงเกือบครึ่งหนึ่งนับตั้งแต่เดือนเม.ย.เป็นต้นมา ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อในอินเดีย รัสเซีย และบราซิล ยังคงปรับตัวสูงขึ้น และค่าเงินรูปี รูเบิล เรียล ที่แข็งแกร่งขึ้นในปีนี้อาจทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อของอินเดีย รัสเซีย และบราซิลพุ่งสูงขึ้นอีก
ซูบีร์ โกคาห์น นักวิเคราะห์จากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ กล่าวว่า "หลายประเทศหลีกเลี่ยงการลดอัตราดอกเบี้ย และหันมาใช้วิธีการลดเพดานสำรองสภาพคล่องแทน เพราะการลดดอกเบี้ยจะเป็นการกระตุ้นตัวเลขเงินเฟ้อ ซึ่งธนาคารกลางอินเดียก็เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ด้วย" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน